โควิดสายพันธุ์ XEC หรือ โควิด 2568 แม้จะแพร่กระจายได้รวดเร็ว แต่ อาการโควิด 2568 ส่วนใหญ่ไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์ก่อนหน้า โดยมักส่งผลกระทบต่อ ระบบทางเดินหายใจ ปัจจุบันยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะใน เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว เพราะถึงแม้หลายคนจะได้รับวัคซีนแล้ว และมองว่าโควิดเป็นโรคประจำถิ่น แต่สายพันธุ์ XEC นี้ยังคงสามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม และอาจนำไปสู่ ภาวะแทรกซ้อน ได้ในบางรายหากละเลย
สายพันธุ์ XEC เป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนที่เริ่มระบาดในปี 2568 มีคุณลักษณะเด่น คือ ความสามารถในการแพร่เชื้อที่รวดเร็วมาก โดยข้อมูลจากการศึกษาในต่างประเทศชี้ให้เห็นว่าแพร่เร็วกว่าสายพันธุ์โอมิครอนรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน
อาการโควิด 2568 ที่พบในผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ XEC โดยทั่วไปอาการโควิดมักเริ่มจากไข้ เจ็บคอ คัดจมูก ไอ และมีอาการปวดเมื่อยหรืออ่อนเพลีย ซึ่งอาจรุนแรงหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับสุขภาพพื้นฐานของผู้ป่วย โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้มีโรคประจำตัวควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานข้อมูลระหว่างวันที่ 18–24 พฤษภาคม 2568 พบผู้ป่วยใหม่ 65,007 ราย ทำให้ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีพุ่งสูงถึง 204,965 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสมรวม 51 ราย โดยในช่วง 7 วันที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 8 ราย
อาการโควิดจะดีขึ้นในช่วง 3–5 วันแรก หากผู้ป่วยมีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว และอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่ำ โดยทั่วไปจะหายได้ภายใน 7–10 วัน
แต่ถ้าอาการรุนแรง เช่น มีไข้สูง เจ็บหน้าอก หายใจติดขัด หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ คนท้อง หรือคนที่มีโรคประจำตัว อาจต้องใช้เวลานานกว่านั้น และควรพบแพทย์ทันที
ในรายที่อาการไม่หนัก สามารถรักษาแบบ Home Isolation โดยใช้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ไอ ยาแก้แพ้ ยาละลายเสมหะ ทานยาตามอาการ และอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 5–7 วัน
หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน หรือแย่ลง ควรพบแพทย์เพื่อพิจารณายาต้านไวรัส
กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงและต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ได้แก่
กรมควบคุมโรคเน้นย้ำแนวคิด "อย่าตระหนก แต่ให้ตระหนัก" โดยมีคำแนะนำดังนี้
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
Q: โควิด 2568 (สายพันธุ์ XEC) มีอาการหลักๆ เป็นอย่างไร?
A: อาการหลักๆ ของโควิด 2568 มักเกี่ยวกับ ระบบทางเดินหายใจ คล้ายกับโควิดสายพันธุ์ก่อนหน้า เช่น มีอาการหวัด ไอ เจ็บคอ แต่ส่วนใหญ่ อาการจะไม่รุนแรง
Q: ความรุนแรงของอาการโควิด 2568 แตกต่างจากสายพันธุ์ก่อนหน้าอย่างไร?
A: โดยรวมแล้ว อาการมักจะไม่รุนแรงเท่า สายพันธุ์โควิดที่เคยระบาดรุนแรงก่อนหน้านี้ ทำให้หลายคนอาจมองว่าเป็นโรคประจำถิ่น
Q: ใครคือกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังอาการโควิด 2568 เป็นพิเศษ?
A: กลุ่มที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ เด็กเล็ก, ผู้สูงอายุ, และผู้มีโรคประจำตัว เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่า
Q: โควิด 2568 แพร่กระจายได้เร็วแค่ไหน?
A: โควิดสายพันธุ์ XEC มีอัตราการแพร่ระบาดที่ รวดเร็วมาก
Q: ฉีดวัคซีนครบแล้ว ยังต้องกังวลเรื่องโควิด 2568 หรือไม่?
A: แม้จะฉีดวัคซีนแล้ว สายพันธุ์ XEC ก็ยังคงสามารถสร้างผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจได้ หากละเลย อาจนำไปสู่ ภาวะแทรกซ้อน ในบางรายได้ จึงยังคงต้องเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพ
Q: มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโควิด 2568 หรือไม่?
A: มีโอกาสเกิด ภาวะแทรกซ้อนได้ในบางราย โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง หากไม่ดูแลสุขภาพและเฝ้าระวังอาการ
สรุป แม้ว่าโควิดสายพันธุ์ XEC จะมีอาการที่ไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์แรกๆ แต่ความสามารถในการแพร่เชื้อที่เพิ่มขึ้นทำให้ยังคงต้องเฝ้าระวัง การป้องกันที่เหมาะสม การตรวจเมื่อมีอาการ และการดูแลกลุ่มเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ยังคงเป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดในปี 2568