โควิด 2568 อาการโควิดสายพันธุ์ XEC แพร่เร็วขึ้น แม้ไม่รุนแรง แต่ต้องเฝ้าระวัง
sanook June 02, 2025 10:32 AM

โควิดสายพันธุ์ XEC หรือ โควิด 2568 แม้จะแพร่กระจายได้รวดเร็ว แต่ อาการโควิด 2568 ส่วนใหญ่ไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์ก่อนหน้า โดยมักส่งผลกระทบต่อ ระบบทางเดินหายใจ ปัจจุบันยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะใน เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว เพราะถึงแม้หลายคนจะได้รับวัคซีนแล้ว และมองว่าโควิดเป็นโรคประจำถิ่น แต่สายพันธุ์ XEC นี้ยังคงสามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม และอาจนำไปสู่ ภาวะแทรกซ้อน ได้ในบางรายหากละเลย

โควิดสายพันธุ์ XEC คืออะไร?

สายพันธุ์ XEC เป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนที่เริ่มระบาดในปี 2568 มีคุณลักษณะเด่น คือ ความสามารถในการแพร่เชื้อที่รวดเร็วมาก โดยข้อมูลจากการศึกษาในต่างประเทศชี้ให้เห็นว่าแพร่เร็วกว่าสายพันธุ์โอมิครอนรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน

อาการโควิด 2568

อาการโควิด 2568 ที่พบในผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ XEC โดยทั่วไปอาการโควิดมักเริ่มจากไข้ เจ็บคอ คัดจมูก ไอ และมีอาการปวดเมื่อยหรืออ่อนเพลีย ซึ่งอาจรุนแรงหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับสุขภาพพื้นฐานของผู้ป่วย โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้มีโรคประจำตัวควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

สถานการณ์โควิดปัจจุบัน

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานข้อมูลระหว่างวันที่ 18–24 พฤษภาคม 2568 พบผู้ป่วยใหม่ 65,007 ราย ทำให้ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีพุ่งสูงถึง 204,965 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสมรวม 51 ราย โดยในช่วง 7 วันที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 8 ราย

กลุ่มอายุที่ป่วยโควิดมากที่สุด

  • เด็กอายุ 0-4 ปี - อัตราป่วยสูงสุด
  • วัยทำงาน 30-39 ปี - อันดับสอง
  • วัยทำงาน 20-29 ปี - อันดับสาม
  • ผู้สูงอายุ 60+ ปี - กลุ่มเสียชีวิตมากที่สุด

ลักษณะการติดเชื้อโควิด และการแพร่กระจาย

  • ระยะฟักตัว: 3-7 วัน หลังสัมผัสเชื้อ
  • ระยะแพร่เชื้อ: สามารถแพร่เชื้อได้นานถึง 10 วัน
  • การติดต่อ: ผ่านทางอากาศ สิ่งของปนเปื้อน และจากผู้ที่ไม่แสดงอาการ
  • ความรุนแรง: อาการไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์แรกๆ แต่ยังคงแพร่ได้ง่าย

อาการโควิดที่พบบ่อยในผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ XEC

อาการโควิดโดยทั่วไป

  • ไข้สูง หนาวสั่น
  • ไอเรื้อรัง คัดจมูก น้ำมูกไหล
  • เจ็บคอ ปวดศีรษะ
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย

อาการโควิดด้านทางเดินอาหาร

  • คลื่นไส้ เบื่อของ
  • ท้องเสีย ท้องร่วง

อาการโควิด พิเศษ (ในบางราย)

  • การรับกลิ่น หรือ รสชาติผิดปกติ
  • ผื่นหรือการเปลี่ยนแปลงผิวหนัง

เป็นโควิด กี่วันหาย?

อาการโควิดจะดีขึ้นในช่วง 3–5 วันแรก หากผู้ป่วยมีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว และอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่ำ โดยทั่วไปจะหายได้ภายใน 7–10 วัน

แต่ถ้าอาการรุนแรง เช่น มีไข้สูง เจ็บหน้าอก หายใจติดขัด หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ คนท้อง หรือคนที่มีโรคประจำตัว อาจต้องใช้เวลานานกว่านั้น และควรพบแพทย์ทันที

เป็นโควิด 2568 ต้องหาหมอไหม?

ในรายที่อาการไม่หนัก สามารถรักษาแบบ Home Isolation โดยใช้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ไอ ยาแก้แพ้ ยาละลายเสมหะ ทานยาตามอาการ และอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 5–7 วัน

หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน หรือแย่ลง ควรพบแพทย์เพื่อพิจารณายาต้านไวรัส

วิธีป้องกันโควิด 2568 และการดูแลตนเอง 

การป้องกันพื้นฐาน

  • สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่แออัดหรือปิด
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าด้วยมือที่ไม่สะอาด
  • ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์
  • รับประทานอาหารร้อนๆ ใช้ช้อนกลาง
  • แยกของใช้ส่วนตัว ไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น

การตรวจและการรักษาโควิด 2568

เมื่อสงสัยว่ามีอาการโควิด

  • ตรวจ ATK ทันทีเมื่อมีอาการหรือสงสัยว่าติดเชื้อ
  • กักตัวอย่างน้อย 5 วันแรกหากผลตรวจเป็นบวก
  • รักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ไอ ยาบรรเทาอาการ

สำหรับกลุ่มเสี่ยง 608

  • ควรพบแพทย์เพื่อประเมินและรับยาต้านไวรัสหากจำเป็น
  • ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
  • รีบพบแพทย์หากอาการแย่ลง

กลุ่มเสี่ยง 608 มีใครบ้าง

กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงและต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ได้แก่

ตามอายุและสภาพร่างกาย

  • ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป - ระบบภูมิคุ้มกันลดลง
  • หญิงตั้งครรภ์ - การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและภูมิคุ้มกัน

ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มหลัก

  1. โรคหัวใจและหลอดเลือด
  2. เบาหวาน
  3. ไตวายเรื้อรัง
  4. มะเร็งทุกชนิด
  5. โรคอ้วน (BMI ≥30)
  6. โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง
  7. โรคหลอดเลือดสมอง

คำแนะนำจากกรมควบคุมโรค

กรมควบคุมโรคเน้นย้ำแนวคิด "อย่าตระหนก แต่ให้ตระหนัก" โดยมีคำแนะนำดังนี้

  • หากมีอาการให้ตรวจ ATK ทันที
  • ป้องกันตนเองเพื่อลดการแพร่เชื้อสู่คนรอบข้าง
  • ใส่ใจดูแลกลุ่มเสี่ยงในครอบครัวเป็นพิเศษ

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

Q&A เกี่ยวกับอาการโควิด 2568 สายพันธุ์ XEC

Q: โควิด 2568 (สายพันธุ์ XEC) มีอาการหลักๆ เป็นอย่างไร?

A: อาการหลักๆ ของโควิด 2568 มักเกี่ยวกับ ระบบทางเดินหายใจ คล้ายกับโควิดสายพันธุ์ก่อนหน้า เช่น มีอาการหวัด ไอ เจ็บคอ แต่ส่วนใหญ่ อาการจะไม่รุนแรง

Q: ความรุนแรงของอาการโควิด 2568 แตกต่างจากสายพันธุ์ก่อนหน้าอย่างไร?

A: โดยรวมแล้ว อาการมักจะไม่รุนแรงเท่า สายพันธุ์โควิดที่เคยระบาดรุนแรงก่อนหน้านี้ ทำให้หลายคนอาจมองว่าเป็นโรคประจำถิ่น

Q: ใครคือกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังอาการโควิด 2568 เป็นพิเศษ?

A: กลุ่มที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ เด็กเล็ก, ผู้สูงอายุ, และผู้มีโรคประจำตัว เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่า

Q: โควิด 2568 แพร่กระจายได้เร็วแค่ไหน?

A: โควิดสายพันธุ์ XEC มีอัตราการแพร่ระบาดที่ รวดเร็วมาก

Q: ฉีดวัคซีนครบแล้ว ยังต้องกังวลเรื่องโควิด 2568 หรือไม่?

A: แม้จะฉีดวัคซีนแล้ว สายพันธุ์ XEC ก็ยังคงสามารถสร้างผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจได้ หากละเลย อาจนำไปสู่ ภาวะแทรกซ้อน ในบางรายได้ จึงยังคงต้องเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพ

Q: มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโควิด 2568 หรือไม่?

A: มีโอกาสเกิด ภาวะแทรกซ้อนได้ในบางราย โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง หากไม่ดูแลสุขภาพและเฝ้าระวังอาการ

สรุป แม้ว่าโควิดสายพันธุ์ XEC จะมีอาการที่ไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์แรกๆ แต่ความสามารถในการแพร่เชื้อที่เพิ่มขึ้นทำให้ยังคงต้องเฝ้าระวัง การป้องกันที่เหมาะสม การตรวจเมื่อมีอาการ และการดูแลกลุ่มเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ยังคงเป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดในปี 2568

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.