สธ.ทุ่ม 509.9 ล.ดันเครือข่าย รพ.เฉพาะทาง พัฒนาระบบสาธารณสุขชายขอบ 
GH News June 04, 2025 10:27 AM

สธ.ทุ่ม 509.9 ล.ดันเครือข่าย รพ.เฉพาะทาง พัฒนาระบบสาธารณสุขชายขอบ 

วันนี้ (2 มิถุนายน 2568) นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ รองโฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีนโยบายผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Wellness and Medical Hub เพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ส่งเสริมสุขภาพ เช่น บริการนวดสปาเพื่อสุขภาพ นวดเสริมสวย สปาน้ำพุร้อน รวมถึงเป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพ เช่น การรักษาพยาบาล ทั้งเสริมความงาม ทันตกรรม ศัลยกรรม บริการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก บริการห้องปฏิบัติการ ดึงดูดเม็ดเงินที่มีมูลค่าสูง 6.9 แสนล้านต่อปี ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการ สธ. ได้ผลักดันนโยบาย Wellness and Medical Hub ให้เป็นรูปธรรมด้วย 7 นโยบายสำคัญ เช่น การจัดตั้งสำนักนโยบายเศรษฐกิจสาธารณสุข ยกระดับภูมิปัญญาไทย ยกระดับสมุนไพรไทย การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูงกว่า เป็นต้น โดยผลักดันงบประมาณเพิ่มเติมที่ใช้ในโครงการต่างๆ ผ่านหน่วยงานที่อยู่ในสังกัด สธ. ในร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

นายจิรพงษ์ กล่าวว่า หนึ่งในโครงการที่สำนักงบประมาณให้ความสำคัญจัดสรรงบในรายการใหม่ให้ถึง 509.9 ล้านบาท คือ โครงการ Border Medical Hubs หรือ การสาธารณสุขชายแดน ที่นายสมศักดิ์ผลักดันบรรจุอยู่ใน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างให้หน่วยบริการโรงพยาบาลสังกัด สธ.ตามจังหวัดชายขอบเป็น Medical Hubs หรือโรงพยาบาลเฉพาะทางที่ทันสมัย คำนึงถึงความพร้อมทางด้านแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางในจังหวัดที่มีอยู่แล้ว เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนที่อยู่บริเวณนั้นให้เข้าถึงการรักษาทางการแพทย์ได้ง่าย ลดการเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองใหญ่ และลดอัตราการเสียชีวิตลง โดยได้เริ่มยกระดับนำร่อง 9 จังหวัด

นายจิรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับ 9 จังหวัด ได้แก่ 1.โรงพยาบาล (รพ.) พลพยุหเสนา และเครือข่าย รพ.ใน จ.กาญจนบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางการคัดกรอง ค้นหา และรักษาโรคมะเร็งอย่างครบวงจรภาคตะวันตก สู่ระดับนานาชาติ ได้รับจัดสรรงบ 75,925,000 บาท 2.โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช (รพร.) สระแก้ว และเครือข่าย รพ.ใน จ.สระแก้ว เพื่อเป็นศูนย์กลางการคัดกรอง ค้นหา และรักษาโรคมะเร็งในโรงพยาบาลชายขอบฝั่งตะวันออกสู่ระดับนานาชาติ ได้รับงบ 82,635,000 บาท 3.รพร.ท่าบ่อ จ.หนองคาย และเครือข่าย รพ.ใน จ.หนองคาย เพื่อเป็นศูนย์การผ่าตัดแผลเล็ก การส่องกล้องและการผ่าตัดผ่านกล้องอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงสู่ระดับนานาชาติ ได้รับงบ 69,085,700 บาท 4.รพ.ปัตตานี และเครือข่าย รพ.ใน จ.ปัตตานี เพื่อเป็นศูนย์กลางบริการทางการแพทย์ในโรงพยาบาลชายขอบตอนใต้สู่ระดับนานาชาติ ได้รับงบ 7,200,000 บาท

รองโฆษก สธ.ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า 5.รพ.สกลนคร และเครือข่าย รพ.ใน จ.สกลนคร พัฒนาเป็นศูนย์หัวใจและการดูแลโรคหัวใจ แบบครบวงจรในเขตอีสานตอนบนสู่ระดับนานาชาติ ได้รับงบ 26,369,200 บาท 6.รพ.มุกดาหาร และเครือข่าย รพ.ใน จ.มุกดาหาร พัฒนาสู่ศูนย์การแพทย์ระดับตติยภูมิชั้นสูงริมฝั่งโขงตอนบน สู่ระดับมาตรฐานนานาชาติ ได้รับงบ 82,627,500 บาท 7.โครงการยกระดับเครือข่าย รพ.ชุนชม จ.อุบลราชธานี เป็นศูนย์การแพทย์ริมฝั่งโขงตอนล่างสู่ระดับนานาชาติ ได้รับงบ 152,500,000 บาท 8.รพ.แม่สอด และ เครือข่าย รพ.ใน จ.ตาก เพื่อป็นศูนย์กลางการคัดกรอง ค้นหา และรักษาโรคมะเร็งในโรงพยาบาลชายขอบฝั่งตะวันตกสู่ระดับนานาชาติ ได้รับงบ 4,020,000 บาท และ 9.รพ.นครศรีธรรมราช และเครือข่าย รพ.ใน จ.นครศรีธรรมราช พัฒนาเป็นศูนย์จักษุวิทยาชั้นสูงภาคใต้ตอนบนสู่ระดับมาตรฐานานาชาติ ได้รับงบ 9,620,000 บาท

“นอกจากการมุ่งเน้นสร้างความมั่นคงทางสุขภาพ และตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน รวมถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์ด้านสาธารณสุข ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ในพื้นที่ชายแดนแล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศจากความต้องการของผู้ป่วยชาวต่างชาติ ที่จะเข้ามารักษาในประเทศไทย เช่น จากประเทศมาเลเซีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา อีกด้วย ซึ่งในเฟสต่อไป ยังคงต้องได้รับการสนับสนุนงบอย่างต่อเนื่อง” นายจิรพงษ์ กล่าว

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.