Pi Daily หุ้นไทยไร้ปัจจัยหนุนเด่น จับตาเงินเฟ้อ-ตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ แนะลงทุนรายตัว CPF–OSP–ธนาคารใหญ่
วันที่ 4 มิถุนายน 2568 บล.พายเผยว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 214 จุด (+0.5%) ขานรับปัจจัยบวกทรัมป์เตรียมเจรจากับจีนในสัปดาห์นี้ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.5% ได้แรงหนุนจากคาดการณ์ว่าความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครนจะกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯได้รายงานเงินเฟ้อ (PCE) ขยายตัว 2.1%YoY น้อยกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 2.2%YoY พร้อมกับรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ 52.2 มากกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 51.1 รายละเอียดภายในพบว่าดัชนีความเชื่อมั่นไม่เปลี่ยนแปลงมากนักเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ทั้งนี้ความเชื่อมั่นลดลงในช่วงแรกของการสำรวจแต่ดีขึ้นในช่วงครึ่งเดือนหลังตามการชะลอขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน นอกจากนี้ความคาดหวังเกี่ยวกับธุรกิจก็ปรับดีขึ้นหลังจากมีการเจรจาภาษีในช่วงกลางเดือน แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยบวกได้ถูกบดบังด้วยความเชื่อมั่นที่ลดลงด้านการเงินส่วนตัวที่ลดลงเพราะรายได้ค่อนข้างหยุดนิ่งแต่ก็เชื่อว่าเศรษฐกิจจะไม่แย่ไปกว่านี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ในอนาคตนั้นยังคงมีความกังวล
ขณะที่ความคาดหวังเงินเฟ้อในหนึ่งปีข้างหน้าเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยจาก 6.5% มาเป็น 6.6% นับเป็นการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตั้งแต่เลือกตั้ง ในขณะที่ความคาดหวังเงินเฟ้อระยะยาวลดลงมาอยู่ที่ 4.4% นับเป็นการลดลงครั้งแรกตั้งแต่ ธ.ค.24 นอกจากนี้ทรัมป์ได้ประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมเป็น 50% จากระดับ 25% เพิ่มแรงกดดันต่อบรรยากาศการค้าโลก แต่อย่างไรก็ตามผลกระทบต่อประเทศไทยเชื่อว่าจำกัดเพราะว่าปัจจุบันสหรัฐฯนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมหลักๆจากแคนาดาและบราซิล (ไม่มีประเทศไทยเป็นหลัก)
สัปดาห์นี้ปัจจัยรอติดตามได้แก่ (1) ดัชนี PMI ภาคบริการของสหรัฐฯในคืนวันพุธ Bloomberg Consensus คาดหมายไว้ที่ 52.1 (2) การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 1.3 แสนรายและ 4.2% ตามลำดับ
ส่วนในประเทศรอติดตามเงินเฟ้อไทยในวันพฤหัสบดี Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ -0.8%YoY ในขณะเดียวกันกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 1 ม.ค. – 1 มิ.ย. สะสมที่ 14.45 ล้านราย (-2.8%YoY) โดยเดือน พ.ค. ท้ายที่สุดแล้ว (-14%YoY) ส่วน มิ.ย. วันแรกเข้าไทยเฉลี่ย 8.8 หมื่น ราย / วัน หากรักษาระดับนี้เมื่อเทียบกับปีก่อนก็อาจจะยังคงติดลบต่อเนื่อง
สัปดาห์นี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1125 – 1170 ทั้งนี้ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังไม่แนะเพิ่มพอร์ตการลงทุน ท่ามกลางภาวะที่ยังไร้ปัจจัยใหม่นอกจากนี้แล้วการค้าโลกก็ยังผันผวนและไม่ชัดเจน เพิ่มแรงกดดัน Downside ต่อทิศทางเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนระยะสั้นที่รับความเสี่ยงได้อาจเลือก Trading ในหุ้นที่ผลประกอบการยังมีแนวโน้มสดใสและโอกาสถูกปรับลดประมาณการต่ำ อาทิ เนื้อสัตว์ (CPF) ค้าปลีกที่อิงกับสินค้าจำเป็น (BJC CPALL) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) การเงิน (MTC SAWAD)
OSP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 19.00 บาท)
รายงานกำไรสุทธิ 1Q25 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.27 พันล้านบาท (+53%YoY) หลังตัดรายการพิเศษจากการขายกิจการในเมียนมา 295 ล้านบาท จะมีกำไรปกติ 970 ล้านบาท (+17%YoY, +58%QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราและ BB consensus คาด รับแรงหนุนจากยอดขายในตลาดต่างประเทศที่เติบโต 22% YoY พร้อมด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น 380 bps YoY ชดเชยยอดขายเครื่องดื่มในประเทศที่ปรับตัวลดลง 16% YoY เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 19.00 บาท ไม่รวม upside จาก M&A ที่อาจจะเกิดขึ้น และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าสนใจระดับ 6%-7% บวกกับแนวโน้มส่วนแบ่งตลาดเริ่มปรับตัวดีขึ้น MoM ต่อเนื่อง
CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 34.00 บาท)
แนวโน้มผลประกอบการช่วง 2Q25 ที่คาดว่าจะยังอยู่ในระดับสูงได้จาก ผลดีของราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะสุกรที่ไทยและเวียดนามหลังจากมีโรคระบาดและสภาพอากาศที่ผันผวน สวนทางกับต้นทุนการเลี้ยงอย่างราคากากถั่วเหลืองที่ลดลงจากผลผลิตในบราซิลที่ออกมา นอกจากนี้หากรัฐมีการนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ จะเป็นผลดีอีกทาง
#PiDaily #หุ้นไทย #เงินเฟ้อ #ข่าววันนี้ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #CPF #OSP #ธนาคารใหญ่