ปภ.ขับเคลื่อนการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และการแจ้งเตือนภัยในระดับพื้นที่ มหาสารคาม-ขอนแก่น
GH News June 08, 2025 12:04 AM

ปภ.ขับเคลื่อนการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และการแจ้งเตือนภัยในระดับพื้นที่ (จ.มหาสารคาม และ จ.ขอนแก่น) - “ป้องกันดี ภัยไม่เกิด” มุ่งเสริมความตระหนักด้านความปลอดภัยจากสาธารณภัยให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

วันนี้ (7 มิ.ย. 68) ที่ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 2 ศูนย์ประชุมเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม และที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้มอบหมายให้ นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมประชุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และการแจ้งเตือนภัยระดับพื้นที่ (จ.มหาสารคาม และ จ.ขอนแก่น) โดยมีนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานมอบนโยบายการเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และการแจ้งเตือนสาธารณภัยระดับพื้นที่ (จ.มหาสารคาม และ จ.ขอนแก่น) พร้อมด้วย นายศรัณย์ศักด์ ศรีเครือเนตร และนายสมบัติ ไตรศักดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นายกนก ศรีวิชัยนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นายพันธ์เทพ เสาโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นายวินัย โตเจริญ รองอธิบดีกรมการปกครอง ผู้ตรวจราชการกรมที่ดิน ผู้ตรวจราชการกรมโยธาธิการและผังเมือง ดร.ศรเทพ วรรณรัตน์ นักบริหารนโยบายวิจัยและพัฒนา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ดร.ปกรณ์ เพ็ชรประยูร ผู้อ านวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมภูมิสารสนเทศ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามและจังหวัดขอนแก่น ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ปภ. เข้าร่วมการประชุมฯ

นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่าสาธารณภัยในปัจจุบันกลายเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากขึ้น การแจ้งเตือนภัยไปยังประชาชนอย่างถูกต้อง ทั่วถึง และทันต่อสถานการณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ และป้องกันตนเองและครอบครัวให้รอดปลอดภัยจากสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ร่วมกับจังหวัด มหาสารคามและจังหวัดขอนแก่น สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) จัดการประชุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และการแจ้งเตือนสาธารณภัยในระดับพื้นที่ (จังหวัดมหาสารคามและจังหวัดขอนแก่น) ขึ้น เพื่อขับเคลื่อนการเฝ้าระวัง ติดตาม และแจ้งเตือนสาธารณภัยของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพ โดยผนึกกำลังในการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และแจ้งเตือนภัยพิบัติไปยังประชาชนผ่านกลไกระดับท้องถิ่นและท้องที่ เพื่อให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมรับมือกับสาธารณภัยได้อย่างปลอดภัยและทันท่วงที


โดยภายในการประชุมดังกล่าว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำเสนอการคาดการณ์สถานการณ์น้ำและการแจ้งเตือนสาธารณภัยผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่หน่วยงานได้พัฒนาขึ้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารการแจ้งเตือนภัยที่รวดเร็ว เชื่อถือได้ในการรับมือป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากสาธารณภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ


นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาในหัวข้อ "การเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และการแจ้งเตือนสาธารณภัยในระดับพื้นที่” โดยมี ดร.ศรเทพ วรรณรัตน์ นักบริหารนโยบายวิจัยและพัฒนา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ดร.ปกรณ์ เพ็ชรประยูร ผู้อำนวยการส านักพัฒนานวัตกรรมภูมิสารสนเทศ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและ
ภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) และนายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมเสวนาฯ

นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวต่อว่า ปภ.เป็นหน่วยงานกลางในการจัดการสาธารณภัยของประเทศ รวมถึงการแจ้งเตือนภัย ดังนั้น เราจึงต้องทำงานร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการเตือนภัย โดยแบ่งการท างานออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรกการพยากรณ์ ซึ่ง ปภ. ได้รับข้อมูลจากหน่วยพยากรณ์ทั้งหมด ซึ่งเป็นหน่วยงานภาคีเครือข่ายมาใช้ในการคาดการณ์ เมื่อได้ข้อมูลแล้ว นำไปสู่ส่วนสอง คือ การวิเคราะห์ฃ้อมูลผ่านแผนที่เสี่ยงภัย หากผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการสาธารณภัยได้คาดการณ์ว่าจะมีภัยเกิดขึ้นในพื้นที่ก็จะเข้าสู่ส่วนที่สาม  คือ การกระจายข้อมูลการแจ้งเตือนภัย โดยมีการแจ้งเตือน 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรกแจ้งเตือนภัยผ่านหนังสือ ข้อความสั้น (SMS) ไปยังส่วนราชการจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่นและท้องที่ เพื่อเตรียมพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติ รวมถึงเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักรกลในการช่วยเหลือประชาชน ส่วนที่สอง คือ การแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชน ผ่านหอเตือนภัยที่ติดตั้งในพื้นที่เสี่ยงภัยทั่วประเทศ สื่อโซเชียลมีเดีย และแอปพลิเคชัน Thai Disaster Alert (TDA) ของ ปภ. พร้อมกับการส่งข้อมูลไปยังสถานีวิทยุ สถานีโทรทัศน์ เพื่อการกระจายข้อมูลไปยังประชาชนอย่างทั่วถึง สำหรับการแจ้งเตือนผ่านสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Cell Broadcast) ปภ.ได้ดำเนินการทดสอบไปแล้ว 3 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็ก (อาคาร) ขนาดกลาง (อำเภอ) และขนาดใหญ่ (จังหวัด) ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีในเชิงบวก แต่ยังมีบางส่วนที่จะต้องปรับปรุงเพิ่มเติม เพื่อให้การแจ้งเตือนมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา ปภ. ได้มีการแจ้งเตือนอุทกภัยผ่าน Cell Broadcast ไปแล้วในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น อ.แม่สาย จ.เชียงราย อ.ภูกระดึง จ.เลย รวมถึงอำเภอต่าง ๆ ในพื้นที่ จ.อ่างทอง และ จ.พระนครศรีอยุธยา

“สำหรับการรับมือรับมือสถานการณ์อุทกภัยในปี 2568 กระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือแจ้งไปยังจังหวัดทั่วประเทศ พร้อมกำชับให้การปฎิบัติใน 3 ระดับ ตั้งแต่ก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภัย และหลังเกิดภัย โดยก่อนเกิดเหตุ ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และปรับปรุงทบทวนแผนเผชิญเหตุของพื้นที่ ตรวจสอบความแข็งแรงของอ่างเก็บน้ำ เตรียมทรัพยากรเครื่องจักรกลสาธารณภัย รวมถึงทำความเข้าใจให้กับประชาชนให้มีการตื่นตัวพร้อมรับข่าวสารการแจ้งเตือน และสามารถรับมือกับภัยพิบัติได้ก่อนที่ภาครัฐจะเข้าให้การช่วยเหลือ ทั้งนี้ ปภ. ได้มีการจัดเตรียมทรัพยากรจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ทั้ง 18 ศูนย์เขต ทั่วประเทศ โดยในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามและจังหวัดขอนแก่น เป็นพื้นที่ที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 6 ขอนแก่น ซึ่งมีเครื่องจักรกลสาธารณภัยด้านอุทกภัยกว่า 1,700 หน่วย โดยในเบื้องต้น นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เน้นย้ำให้ทุกศูนย์ ปภ. เขต เคลื่อนย้ายทรัพยากรเชิงรุกไปยังพื้นที่เสี่ยงเกิดอุทกภัย เพื่อระบายน้ำและให้การช่วยเหลือในพื้นที่ได้ทันทีเมื่อเกิดภัย” นายสหรัฐ รองอธิบดี ปภ. กล่าว

จากนั้น เป็นการมอบนโยบายการเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และการแจ้งเตือนสาธารณภัยระดับพื้นที่ โดยนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากการคาดการณ์สถานการณ์ภัยจากหน่วยพยากรณ์มีความเป็นไปได้ว่า ปีนี้อาจจะเกิดสถานการณ์อุทกภัยหรือภัยพิบัติจากทางธรรมชาติได้ จึงจำเป็นต้องสร้างให้ประชาชนเกิดตระหนักถึงความรุนแรงของสาธารณภัย และวิธีปฏิบัติตนให้ปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินเมื่อเกิดภัยพิบัติ โดยเร่งสร้างวัฒนธรรมที่ตระหนักถึงความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินให้เป็นนิสัยประจำวันของประชาชนและชุมชน ซึ่งปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อใช้เป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารในการติดตามสถานการณ์ภัย รวมไปถึงการแจ้งเตือนภัยที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ ดังนั้น จังหวัด อำเภอ ผู้นำท้องถิ่นและท้องที่ จำเป็นจะต้องมีการรู้เท่าทันภัยที่คาดว่าเกิดขึ้น พร้อมประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกำหนดรูปแบบการแจ้งเตือนภัยให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างทั่วถึงทุกช่องทาง เพื่อให้ประชาชนมีการเตรียมพร้อมรับมือกับสาธารณภัยได้อย่างถูกต้องและเกิดความปลอดภัย ดังคำที่ว่า “ป้องกันดี ภัยไม่เกิด” เพราะภัยพิบัติเมื่อเกิดขึ้นแล้วไม่สามารถย้อนกลับสู่ที่เดิมได้ มีแต่ทำให้เกิดความสูญเสีย โดยทุกคนสามารถดาวน์โหลดข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้จาก 3 แอปพลิเคชัน ประกอบด้วย 1) THAI DISASTER ALERT ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2) ThaiWater ของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และ 3) เช็กน้ำ ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(GISTDA) เพื่อใช้ในการติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝนได้อย่างถูกต้อง และสามารถสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชนในระดับพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ขอให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเครื่องจักรกลให้มีความพร้อมออกปฏิบัติการในการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างท่วงที รวมถึงขอให้ ปภ. บริหารจัดการทรัพยากรเครื่องมือเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าสนับสนุนในพื้นที่เสี่ยงให้ครอบคลุมและเหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียและผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.