ด้วยความบังเอิญหลาย ๆ อย่างเลยครับ เอาจริงเริ่มแรก คือ เราเจอกันที่งาน meeting เพลง ที่เราอยู่ที่เดียวกัน แล้ววันนั้นได้ทักทายและคุยถึงผลงานกัน คือ มีคำนึง ผมทักเก่งว่า เก่งสวัสดีครับเก่ง ด้วยความที่ชื่อเล่นเราเหมือนกัน ชื่อ ”เก่งเก่ง“ เลยแว้บขึ้นมาในหัวเลยตอนนั้น แล้วผมเองได้ไอเดียมาตั้งแต่ชื่อเราที่เหมือนกัน ตั้งแต่ตอนนั้นเลยครับ และด้วยความที่มีสิ่งที่คล้าย ๆ กันในเรื่องของความเชื่อ ความศรัทธาในพระพุทธศาสนา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระพิฆเณศวร อยู่แล้ว ยิ่งจูนกันติดครับ ท้ายสุดวันนั้นคุยกันว่า บ้านอยู่ไหน สรุปคือ ก็บังเอิญอีก เพราะใกล้กันมาก มาก แบบที่ระยะที่ผมวิ่งออกกำลังกาย สามารถวิ่งถึงได้ครับ คือขับรถไม่เกิน10นาทีถึง บังเอิญมาก เลยยิ่งไปมาหาสู่กันสะดวก หลังจากวันนั้นไม่นาน ธชยก็ชวนไปไหว้พระที่ตำหนักอาจารย์เชียง จนผมก็มีไอเดียว่า ในเมื่อเรามีมุมอะไรที่คล้าย ๆ กัน แต่ในความคล้ายนี้มันมีบางอย่างที่ก็แตกต่างกันสุดขั้วอยู่เช่นกัน (มันแอบดูย้อนแย้งนะครับ) แต่สิ่งที่เชื่อมเราเข้าหากัน คือ ธรรมะ มันไม่ธรรมดา ผมเลยได้คำว่า ธรรมดา มาในหัวทันที เลยรีบกลับบ้านมาจับกีต้าร์ เขียนเพลงนี้แบบร้องออกมาพร้อมทำนองและเนื้อบางส่วนเลย เสียงในหัวมันลอยมาจากลูกเอื้อนกับกีต้าร์ก่อน และ มีคำว่า ดา ดา ดา (ซึ่งเราอยากให้เป็นท่อนที่ร้องติดปาก และ ติดหู) เราเลยร้องเพลงนี่ออกมาสดๆกับกีต้าร์ว่า ธรรม ดา ดา ดา เป็นเสียงเพลงเลย และก็เริ่มต้นไหลเนื้อเพลงออกมาพร้อมคอร์ดเลย
เพลงนี้ ทำไมต้องเป็น เก่ง ธชย
ด้วยความชัดเจนในตัวของ ธชย อยู่แล้ว เค้ามี identity ที่ชัดมาก แม้ไม่ต้องเห็นหน้า ก็นึกเสียงออก และ แม้ได้ยินแค่เสียง เราก็นึกหน้าองค์ทรงเครื่องเค้าออก ตอนนั้นผมแต่งเพลงนี้ได้จากการเริ่มเอื้อนออกมาตรงท่อน pre hook เสียงเค้ามันลอยมาในหัวเลยครับ จากนั้นไลน์อื่น ๆ ในหัวผมมันก็มาพร้อมกันหมด เลยเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก ธชย
ซิงเกิลนี้ มีความพิเศษตรงไหนบ้าง (ไม่ว่าจะเป็นเนื้อร้อง,การเรียบเรียง หรือเครื่องดนตรีฯ)
จริง ๆ หลายส่วนอยู่นะครับ ถ้าพูดในเรื่องเนื้อร้อง ผมตั้งใจเขียนออกมาแบบ ในแง่ความเชื่อรวมไปถึงความเป็นจริงของคนเราในปัจจุบันเลย ซึ่งเราเป็นทั้งนักร้องและนักแต่งเพลง เราจะรู้ได้ว่า ถ้าคำ ๆนี้และโน้ตตัวนี้อยู่ในปากใครแล้วเค้าจะสามารถพูดและร้องมันออกมาได้แบบไม่เขิน ถ้าอ่านตามเนื้อเพลงแต่ละประโยคคือ คนอ่านอาจจะมี เห้ยยย เราก็เป็นนินา มันคือ ความธรรมดา และ ธรรมชาติ ครับ เช่นตรงเนื้อเพลงที่บอกว่า บางคนอยากร่ำอยากรวย ก็หวังแค่หวยเดือนละสองครั้ง อันนี้ก็ความเชื่อเราคนไทยครับ ซึ่งผมก็เป็นนะที่ทุกวันที่1กับ16 คือ วันแห่งความหวังของมวลมนุษยชาติไทย หรือจะเป็นท่อน บางคนอยากมีความรัก แต่ไม่เคยจะรักตัวเองสักครั้ง อันนี้ก็สะท้อนมุมมองในเรื่อง การเคารพและเชื่อมั่นในตัวเอง ซึ่งผมก็เชื่อว่ามีหลายคนเป็น ซึ่งถ้าเราอยากที่จะรักใครสักคน หรือมีความรักดีๆ ผมว่า เราต้องเรียนรู้ที่จะรักตนเองก่อน (ซึ่งไม่ใข่การเห็นแก่ตัวนะครับ) แต่มันคือ การที่เรารู้จักคุณค่าในตัวเองเพียงพอ แล้วเราก็จะสามารถมอบความรักนั้นให้กับคนรอบข้างได้เช่นกัน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผมก็สรุปมาตรงที่ ท่อน pre-hook คือ key ของทั้งหมด คือ เราจะงมงาย เชื่อว่าจะรวยโดยไม่มีสติ หรือ ดีขึ้นโดยไม่ลุกขึ้นมาทำด้วยตัวเอง มันไม่มีทางสำเร็จหรอก มันต้องเริ่มที่ตัวเรา ก่อนเลยในทุกๆสิ่ง

ในด้านทำนอง เอาจริง ๆเลยครับ ตอนแต่งเพลงนี้ ใช้เวลาจริง ๆไม่เกินครึ่งชั่วโมง (บางเพลงของผมมันไม่ไหลออกมาค้างไว้เป็นเดือนก็มีนะ เราก็เก็บเข้าลิ้นชักไปก่อน รอฟีลมา) แต่เพลงนี้ คือด้วยสารต่าง ๆ มันครบแล้วฟีลเราก็ยังอินอยู่ด้วย ทุกอย่างมันเลยไหลออกมาพร้อมกันทั้งเนื้อร้องและทำนอง ตรงท่อนเอื้อนนี่คือ ผมเลียนเสียงเป็นธชย เลยนะครับตอนแต่งและร้องออกมา คือ คิดว่าเราเป็นเค้า และจัดวางการเอื้อนร้องโน้ตไหน คือ ทุกอย่างถูกคิดมาหมดแล้ว ซึ่งธชย น่ารักมาก ๆ และ มีความเป็นมืออาชีพสุด ๆ ครับ อยู่ในห้องอัด ไม่เปลี่ยนโน้ตของผมเลยสักตัว ถ่ายทอดออกมาได้ดีมากครับ แม้คำร้องจะติด ๆ กัน ตอนร้องธชยบอกติดเขี้ยวด้วย แต่ธชย ทำได้ดีมากเลยครับ ผมประทับใจจริง ๆ
ในส่วนของเรียบเรียง ผมได้ทีมคู่ใจ เป็นน้องรักที่ทำเพลงกันมาหลายเพลงครับ เลยทำให้การทำงานเพลงนี้ยิ่งง่ายและตรงใจมากๆเลยครับ
ทั้งสอง เก่ง X เก่ง คนมีร่วมจอยอะไรในเพลงนี้บ้าง นอกจากร้องด้วยกัน
ก็น่าจะเป็นเรื่องของการแชร์ไอเดียในการร้องครับ เช่น คู่ประสาน และ การออกเสียงตรงจุดนั่นนี่ คือ บางช่วงของคำร้องก็แชร์ไอเดียกันในห้องอัดว่า ถ้าร้องเป็นส่วนแบบนี้จะดีกว่ามั้ยอะไรประมาณนี้ และ พวก Line อื่น ๆ เช่นการ adlip การเอื้อน ของธชยตรง solo และผมก็จะถนัดในเรื่องของการ scat และ improvise ในอีกแบบ เราก็จะแชร์เรื่องการวาง balance ร่วมกันครับ และ ก็แชร์ไอเดียในเรื่องการถ่ายLyric vdo ครับ เช่นเรื่อง location ควรเป็นที่ไหน ควรทำ Mv เลยมั้ย หรือ Lyric vdo ก่อน เราก็เอาref.มาแลกกันดู จนสรุปออกมาว่า เป็น Lyric vdo จนสรุปได้สถานที่ คือ วัดโพธิ์ และ ตำหนักอาจารย์เชียง วันนั้นคือร้อนมาก ๆ ๆ ตอนไปถ่ายที่วัดโพธิ์ คือ ชุดที่ใส่ของเราทั้งคู่คือ เสื้อเชิ้ต แล้วยังมีแจ้คเก็ต คือ นึกว่าเมืองหนาว แต่ข้างในเสื้อคือ ละลายไปแล้ว เหงื่อแตกครับ แต่ก็ผ่านมาได้อย่างแฮปปี้ครับ
ฟังเพลงครั้งแรกมันเป็นการเล่นคำคำว่า ธรรมะ กับ ทำมะ เหมือนจะสอดแทรกคติธรรมอะไรไว้ในเพลงเล่าหน่อยค่ะ
นั่นคือ ความตั้งใจของผมเลยครับ คือ ผมเคยคิดหัวข้อนึงไว้ในงานหนึ่งที่ต้องไปออก คือ คำสั้น ๆ ว่า ธรรมะ ทำมั้ย ไม่ธรรมดา ซึ่งผมชอบคำนี้ที่คิดมานานมาก ๆ เลยนำมาเล่นคำ ธรรมะ-ทำมะ ก็คือ do it! ทำมะละ? มันต้องลงมือทำและทำทันที มันเป็นคติธรรม จริง ๆ มันคือ หลักธรรม ของพระพุทธเจ้าเลยครับ เช่น ในหลักของปฏิจจสมุปบาท คือ ความเป็นเหตุเป็นผลกัน ก็เลยสืบเนื่องมาถึงเนื้อเพลงที่เป็นความจริง เช่น ถ้าอยากรวยก็ต้องเริ่มต้นที่ต้องขยันไง เพราะเงินไม่ได้มาจากการที่เราขี้เกียจไม่ทำอะไรเลย หวังพึ่งแต่ถูกหวย พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านก็ไม่ให้คนขี้เกียจหรอก และ ธรรมะ ในไอเดียผมที่อยากสื่อ จริง ๆไม่ได้ต้องเก่าและโบราณเสมอนะครับ แต่ ธรรมะ มันคือ การลงมือ “ทำ” จริง ครับ ที่สุดแล้วทุกสิ่งก็คือ ธรรมชาติ ซึ่งมันก็คือ ความ ธรรมดา(ทำมะดา) นั่นเองครับ
เพลงนี้มันไม่ได้เป็นเพลงตลาดคาดหวังกับการตอบรับของผู้ฟังมากน้อยแค่ไหนคะ
จริง ๆ ผมว่า เพลงนี้เป็น เพลงตลาด ของจริงนะครับ ผมต้องการให้เข้าถึงความหมายจริง ๆ ของการใช้ชีวิต และ ความจริงของคนปรกติ ทั่วไป ทุกคนฟังเพลงนี้และร้องตามได้ง่าย ๆ คนเดินถนน คนเดินตลาด พ่อค้าแม่ค้า ไปยันนักธุรกิจ หรือ ผู้คนทุก ๆ คนในสังคม ผมว่าในเนื้อเพลงที่เราอยากจะสื่อสาร มันเป็นความจริงของคนอีกหลาย ๆ คนครับ
ถามว่าคาดหวังมั้ย ยุคนี้ผมว่าคาดเดายากนะครับ ว่าเพลงไหนจะดังไม่ดัง จะมาไม่มา แต่แค่แฟน ๆ กับผู้ฟังชื่นชอบ ได้แง่มุม และพลังในการใข้ชีวิตจากการฟังเพลงของผม ผมว่ามันก็สำเร็จในตัวของมันแล้วครับ
ทำ-มะ-ดา เก่ง ธชย ft. Keng Atip
ติดตามติดตามความเลื่อนไหวและผลงานของ เก่ง อธิป ได้ที่
Facebook: atip official
Instagram : atip.official
Youtube : atip channel