มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale Phuket 2025 จะเปิดฉากในเดือนพฤศจิกายน 2568 โดยเชิญศิลปินชาวไทยและทั่วโลกกว่า 60 คน มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะร่วมสมัยและจัดแสดงใน 3 โซนหลัก ครอบคลุมทั้ง 3 อำเภอในจังหวัดภูเก็ต ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอกระทู้ และอำเภอถลาง     หลายสถานที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก อาทิ หอศิลป์ร่วมสมัยภูเก็ต อาคารธนาคารชาร์เตอร์ด พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว และแหลมพรหมเทพ ระหว่างการจัดงานจะมีการจัดนิทรรศการเปิดบ้านศิลปินในจังหวัดภูเก็ตเพิ่มสีสันอีกด้วย

ก่อนถึงมหกรรมศิลปะครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งประเทศไทยจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี   มีการถอดบทเรียน  Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ซึ่งประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม คนมาเที่ยวชมเกือบ 3 ล้านคน เงินสะพัดใน 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 2.4 หมื่นล้านบาท  ปลุกเมืองและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนจำนวนมาก เพื่อส่งต่อองค์ความรู้และทิศทางในการขับเคลื่อนงานเบียนนาเล่ที่จ.ภูเก็ต  ผ่านกิจกรรมสร้างการรับรู้และการขับเคลื่อนการจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Phuket 2025  จัดโดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม ที่ โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ จ.ภูเก็ต เมื่อวานนี้ โดยมีนายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางเกษร   กำเหนิดเพ็ชร รองผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย นายสมาวิษฎ์ สุพรรณไพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต     นางอัญชลี วานิช เทพบุตร นายกสมาคมศิลป์ภูเก็จ David Teh ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ โครงการThailand Biennale, Phuket 2025 นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์  ศิลปินจังหวัดภูเก็ต เครือข่ายศิลปิน ภาคประชาชน ภาคธุรกิจท่องเที่ยว เข้าร่วม

นายประสพ เรียงเงิน ปลัด วธ.  กล่าวว่า วธ.ยินดีที่ จ.ภูเก็ตจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน Thailand Biennale ครั้งที่ 4 ต่อจาก จ.เชียงราย ซึ่งถือเป็นงานระดับโลก ศิลปะที่เป็น soft power เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาประเทศ เกิดผลดีแก่คนในพื้นที่ทั้งการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เด็กและเยาวชนในการก้าวสู่การเป็นศิลปิน เกิดความภาคภูมิใจของศิลปิน เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจ จะเพิ่มศักยภาพให้กับเมืองภูเก็ตที่มีชื่อเสียง ทั้งการเป็นเมืองท่องเที่ยว เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของยูเนสโก ให้เป็นหมุดหมายการเป็นเมืองศิลปะแห่งใหม่ของไทยให้กับนักท่องเที่ยว เกิดการหมุนเวียนและกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัด ศิลปินไทยได้รับการยอมรับ สร้างภาพลักษณ์และเกียรติภูมิในเวทีนานาชาติในการส่งเสริมซอฟพาวเวอร์ของไทย

“ การจัดงานครั้งนี้จะได้รับความร่วมมือของทุกภาคส่วนของภูเก็ตร่วมขับเคลื่อนมหกรรมในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2568 ถึงเดือนเมษายน 2569  จนประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับทั้ง 3 จังหวัด ยืนยันว่าไม่ใช่การจัดอีเวนท์ธรรมดา แต่เป็นการสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทำให้เกิดการยอมรับ เกิดมาตรฐานการจัดงานให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จะเสริมความแข็งแกร่งให้ภูเก็ตจากการใช้ศิลปะเพื่อปากท้องของคนในท้องถิ่น “ นายประสพ กล่าว

นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์  ในฐานะศิลปินชาวเชียงรายที่ร่วมปลุกปั้นไทยแลนด์เบียนนาเล่เชียงราย เดินทางมาร่วมบรรยายพิเศษถ่ายทอดความรู้จากไทยแลนด์เบียนนาเล่ เชียงราย 2023 สู่ไทยแลนด์เบียนนาเล่ภูเก็ต 2025  ว่า การจัดที่เชียงรายมีความสำเร็จสูงสุด เพราะเรามีความรู้เรื่องว่า ศิลปะว่ามีความสำคัญยังไง และทำให้เกิดประโยชน์ประเทศชาติ  บ้านเมืองจะเจริญต้องรู้จักศิลปะร่วมสมัย ที่สามารถมาสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างรายได้ให้กับพื้นที่ ในการทำงานต้องระดมสมอง สร้างคลังความรู้ จากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และในการประชุมต้องอยู่ครบทั้งหมด ทั้งนักการเมือง ผู้ว่าฯ  ปลัดกระทรวง สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ศิลปินเครือข่าย ตำรวจทหาร ภัณฑารักษ์ เศรษฐี  ต้องมีการเปิดอกคุยกัน ให้เกียรติกัน แม้จะมีคนคิดต่าง มีการถกเถียง แต่ในที่ประชุมต้องมีมติเป็นประชาธิปไตย เคารพการตัดสินใจของคนจำนวนมาก และสรุปให้แล้วเสร็จภายในห้องประชุม  ที่สำคัญที่สุดจะต้องให้เกียรติศิลปินที่มาสร้างงานทั้งหมด

การบูม Thailand Biennale, Phuket  ให้ดึงดูดนักท่องเที่ยว อาจารย์เฉลิมชัย กล่าวด้วยว่า อีกประการสำคัญ การทำงานต้องใช้เงิน ต้องเตรียมพร้อมสำรองเงินทุนไว้ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท เพื่อเวลาเบิกจ่ายนำไปแจกศิลปินทำงาน การทำงานสู่ความสำเร็จสูงสุดจะต้องมีความร่วมมือ การจัดการเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด ต้องมีความพร้อมทุกด้าน หากไม่มีความพร้อม ทำสะเปะสะปะจะไม่น่าเชื่อถือ รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ให้กับคนภูเก็ต ให้เกิดการยอมรับและต่อยอด แม้ว่าศิลปินภูเก็ตมีจำนวนน้อย ศักยภาพไม่ได้โดดเด่นเหมือนระดับชาติ แต่สิ่งที่สำคัญคือการเชื่อมโยงกับศิลปินต่างประเทศได้ดีเยี่ยม ตนและเครือข่ายศิลปินทางเชียงราย ศิลปินภาคอีสานและภาคกลาง พร้อมจะช่วยเหลือส่งคนเข้ามาทำกิจกรรม มาช่วยดูแล ไม่ต้องห่วง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการบรรยาย อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ขอลาออกจากตำแหน่งศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี 2554 โดยระบุว่า ส่งหนังสือเรื่องขอลาออกจากตำแหน่งศิลปินแห่งชาติถึงกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2568 เหตุผลของการลาออก เนื่องด้วยมีอายุมากแล้ว จึงได้ประกาศหยุดสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เพราะปรารถนาที่จะพักผ่อนท่องเที่ยวหาความสุขในบั้นปลายของชีวิต เมื่อศิลปินแห่งชาติได้หยุดสร้ารสรรค์ผลงานก็ไม่ควรที่จะมีตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้อีกต่อไป ขอให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม โปรดพิจารณาตัดชื่อออกจากทำเนียบศิลปินแห่งชาติด้วย