‘ทอท.’ เปิดช่องชงบอร์ด ทอท.ไฟเขียวขอเจรจาแก้ไขสัญญาสัมปทานคิงดิวตี้ฟรีสนามบินใหม่ หลัง คิงเพาเวอร์ ยื่นหนังสือขอยกเลิก 3 สัญญาทุกสนามบิน ด้าน ‘ปวีณา’ รับหลังประชุมบอร์ด ทอท. พร้อมลงชี้แจงสถาบันการเงิน นักลงทุนทันที เหตุปัญหาขอยกเลิกสัญญาของ ‘คิงเพาเวอร์’ ไม่ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
16 มิ.ย. 2568 – นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง และรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ในการประชุมบอร์ด ทอท. วันที่ 16 มิ.ย.2568 ที่มีนายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.)เป็นประธาน จะมีการประพิจารณากรณีที่ บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานประกอบการร้านค้าปลอดภาษี(ดิวตี้ ฟรี)ในสนามบินของ ทอท.ได้ส่งหนังสือถึงทอท.เพื่อขอหารือแนวทางในการพิจารณายกเลิก 3 สัญญาอนุญาตในการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในสนามบิน
ทั้งนี้ประกอบด้วย 1.สัญญาร้านค้าปลอดอากร สนามบินสุวรรณภูมิ , 2.สัญญาร้านค้าปลอดอากรสนามบินดอนเมือง และ 3. สัญญาร้านค้าปลอดอากรใน 3 สนามบินในภูมิภาค ได้แก่ สนามบินภูเก็ต สนามบินเชียงใหม่ และสนามบินหาดใหญ่ ซึ่งในเรื่องนี้ทาง ทอท. ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยจะต้องเร่งหาข้อสรุปให้มีความชัดเจนภายใน 2 เดือน เพื่อทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อ ทอท.
อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายบริหาร ทอท. จะมีการเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาต่อบอร์ด ทอท.โดยขอให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุดเพื่อมาวิเคราะห์แนวทางเจรจากับคิงเพาเวอร์ และ ว่าจ้างที่ปรึกษาที่เป็นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ทางเลือกในการแก้ไขปัญหาในการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ในสนามบินที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทอท.ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจ และ อัตราการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่ผ่านเข้า ออกสนามบินของ ทอท. อย่างแท้จริง และให้เป็นไปตามตัวเลขในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดความเป็นกลางในการวิเคราะห์สัญญาของทั้ง ทอท.กับ คิงเพาเวอร์
“ในหนังสือที่ทาง คิงเพาเวอร์ เสนอมานั้นเป็นการเสนอเพื่อขอยกเลิกสัญญาทั้ง 3 สัญญา กับ ทอท. แต่เมื่ออ่านในเนื้อหาเอกสารของผู้ประกอบการแล้ว จะพบว่าทางคิงเพาเวอร์ไม่ได้ปิดกั้นที่จะให้มีการเจรจาทั้งสองฝ่ายร่วมกันระหว่าง ทอท. กับ คิงเพาเวอร์ เพราะหากมองกลับกัน คิงเพาเวอร์ฯ ถือเป็นคู่ค้าสำคัญของ ทอท. เพราะมีสัดส่วนรายได้กว่า 10% ขณะที่ทอท.มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ มีหน้าที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ดังนั้นการเจรจาร่วมกันก็เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด บนพื้นฐานที่ว่า ผู้โดยสารยังได้รับความอำนวยความสะดวกในร้านค้าและบริการ”นางสาวปวีณา กล่าว
ขณะที่เอกชนผู้รับสัมปทานก็ได้รับความเป็นธรรมตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน ซึ่งต้องยอมรับว่า การยกเลิกไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด เนื่องจากหากมีการยกเลิกก็ไม่สามารถจัดหาผู้ประกอบการในเร็ววัน ดังนั้นการเจรจาร่วมกันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แม้ว่าทางออกจะเป็นทั้ง การปรับแก้ไขสัญญาสัมปทาน หรือ การยกเลิก ก็ต้องเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย นอกจากนั้นจะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมา ทอท.อาจจะแก้ปัญหาแบบเลี้ยงไข้ ซึ่งไม่ถูกต้อง ดังนั้นฝ่ายบริหารจะเลือกรูปแบบที่ดีที่สุดภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน