‘คลัง’ จ่อชงบอร์ดอีวี ติดดาบ ‘สรรพสามิต’ มีอำนาจเบรกจ่ายเงินชดเชยให้ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่ทำผิดเงื่อนไข ผลิตชดเชยไม่ได้ตามเงื่อนไขมาตรการสนับสนุน พร้อมแจงกดปุ่มเบรกจ่ายชดเชยให้ NETA จำนวน 400 กว่าล้านบาท หลังจ่ายไปแล้ว 2 พันกว่าล้านบาท หลังพบบริษัทค้างผลิตชดเชย 1.9 หมื่นคัน กร้าวหากดำเนินการไม่ได้ตามเงื่อนไขจะต้องจ่ายคืนที่รัฐให้ไปทั้งหมด
17 มิ.ย. 2568 – นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาการปรับเงื่อนไขในการเพิ่มอำนาจให้กรมสรรพสามิตสามารถระงับการจ่ายเงินสมทบให้กับค่ายรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่เข้าร่วมมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าระยะแรก (EV3.0) และ EV3.5 ได้ทันที โดยเฉพาะกรณีที่ผู้ประกอบการ หรือบริษัทมีปัญหา ไม่สามารถดำเนินการได้ตามเงื่อนไขของมาตรการ เช่น การผลิตรถอีวีชดเชยไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ เบื้องต้นจะมีการพิจารณาเพิ่มเงื่อนไขให้ค่ายรถอีวีจะต้องมีการทำแผนการผลิตรถชดเชยตามเงื่อนไขของมาตรการทุก ๆ 2 เดือน ให้กรมสรรพสามิตพิจารณา ซึ่งตรงนี้จะใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาจ่ายเงินชดเชยให้ค่ายรถ โดยหากมีสัญญาณว่าค่ายรถอีวีเริ่มมีปัญหา เช่น ไม่สามารถผลิตรถชดเชยได้ตามสัญญา กรมฯ ก็จะมีอำนาจในการระงับจ่ายเงินชดเชยได้ทันที
“ตรงนี้ยังเป็นรายละเอียดที่กรมสรรพสามิตจะต้องเร่งพิจารณาว่า จะต้องมีการให้บัฟเฟอร์กับค่ายรถในการผลิตชดเชยคืน 10% ของแผนหรือไม่ เช่น หากค่ายรถบอกว่าจะผลิตคืน 300 คันต่อเดือน แต่ผลิตได้จริงแค่ 280 คันต่อเดือน ตรงนี้จะพิจารณาอย่างไร จะต้องมีบัฟเฟอร์ 10% ให้ค่ายรถหรือไม่ เผื่อกรณีเดือนไหนเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบกับกระบวนการผลิต ตรงนี้เป็นรายละเอียดที่จะต้องมาพิจารณา จากปัจจุบันกรมสรรพสามิตยังไม่สามารถทำอะไรในส่วนนี้ได้ จนกว่าจะถึงระยะเวลาสิ้นสุดมาตรการ คือวันที่ 31 ธ.ค. 2568 ซึ่งเรามองว่าอาจจะช้าเกินไป โดยเมื่อได้ข้อสรุปจะต้องเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) และที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา” นายเผ่าภูมิ กล่าว
ทั้งนี้ มองว่าการปรับเพิ่มเงื่อนไขในการเพิ่มอำนาจในการพิจารณาชะลอการจ่ายเงินชดเชยให้ค่ายรถยนต์ของกรมสรรพสามิตนั้น ถือเป็นการสร้่างกลไกในการคัตเอาท์กรณีที่ค่ายรถมีปัญหา ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของมาตรการได้ ส่วนประเด็นเรื่องการยืดระยะเวลาการผลิตรถยนต์อีวีชดเชยนั้น เป็นการช่วยเหลือค่ายรถในอีกมิติ ไม่ใช่การช่วยค่ายรถที่มีปัญหา แต่เป็นการช่วยอุตสาหกรรมในภาพรวม ซึ่งเป็นคนละส่วนกับเงื่อนไขที่กำลังพิจารณาอยู่ตอนนี้ ซึ่งในภาพรวมของมาตรการตอนนี้ ยังไม่พบว่ามีค่ายรถยนต์อีวีอื่น ๆ ที่มีปัญหาเชิงประจักษ์ โดยกรมสรรพสามิตได้มีการระมัดระวังอย่างเต็มที่
สำหรับกรณีบริษัทเนต้า ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์อีวี NETA ที่กำลังเป็นประเด็นในขณะนี้นั้น ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรมสรรพสามิต คือ เรื่องเงินชดเชย 1.5 แสนบาทต่อคัน ที่ค่ายรถได้รับไป โดยก่อนหน้านี้กรมสรรพสามิตได้มีการจ่ายเงินชดเชยดังกล่าวให้กับ NETA ไปแล้ว 2 พันกว่าล้านบาท และขณะนี้ได้มีการชะลอการจ่ายเงินชดเชยอีก 400 กว่าล้านบาท เนื่องจาก NETA ยังค้างการผลิตรถอีวีชดเชยตามมาตรการอีกราว 1.9 หมื่นคัน จากก่อนหน้านี้ได้ผลิตชดเชยไปแล้ว 4 พันคัน
อย่างไรก็ดี ตามหลักการแล้ว กรณีที่ค่ายรถทำผิดเงื่อนไขของมาตรการรัฐ ค่ายรถจะต้องจ่ายคืนในสิ่งที่รัฐได้ให้ไปแล้วทั้งหมด นั่นหมายถึง รัฐจ่ายไปเท่าไหร่ ค่ายรถต้องคืนมาเท่านั้น ในกรณี NETA รัฐได้มีการจ่ายให้ ประกอบด้วย เงินชดเชย 1.5 แสนบาทต่อคัน และการลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% ตรงนี้ได้ลงถือมือผู้บริโภคไปเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้สิ่งที่รัฐยังขาดอยู่ คือ การผลิตชดเชย ดังนั้นก็ต้องไปพิจารณาตามเงื่อนไข ไม่มีหย่อน หากค่ายรถปฏิบัติตามเงื่อนไขของมาตรการไม่ได้