เดิมพันศึกชิง “มหาดไทย” นับหนึ่งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ
GH News June 17, 2025 11:05 PM

เพื่อไทย-ภูมิใจไทย ปะทะเดือด! ศึกชิงกระทรวงมหาดไทย สะเทือนเสถียรภาพรัฐบาล เสี่ยงตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ

วันที่ 16-17 มิถุนายน 2568 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสมดุลอำนาจในรัฐบาลผสม เมื่อกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีพุ่งเป้าไปที่ “กระทรวงมหาดไทย” อันเป็นหนึ่งในกระทรวงยุทธศาสตร์ที่พรรคเพื่อไทยต้องการดึงกลับมาควบคุมเองอีกครั้ง ขณะที่พรรคภูมิใจไทยไม่ยอมปล่อยมือโดยเด็ดขาด พร้อมประกาศพร้อมเป็นฝ่ายค้าน หากต้องเสียกระทรวงนี้

และสถานการณ์ดังกล่าว นำไปสู่คำถามสำคัญว่า หากพรรคภูมิใจไทยถอนตัว พรรคเพื่อไทยจะสามารถตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำได้หรือไม่ และแนวโน้มการเมืองไทยจะเดินไปทางใด

จุดเริ่มต้นของความตึงเครียด

จากรายงานข่าวตรงกันหลายสำนัก ระบุว่าเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้หารือโดยตรงกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี และแจ้งความประสงค์ของพรรคเพื่อไทยในการขอคืนการกำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย

แม้จะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากนายกรัฐมนตรี โดยตอบเพียงว่า “เมื่อวานไม่เห็นพูดแบบนี้” เมื่อถูกถามเรื่องพรรคภูมิใจไทยอาจถอนตัวหากไม่ได้คุม มท. แต่ความเงียบและเลี่ยงตอบในประเด็นนี้ก็ยิ่งตอกย้ำข่าวลือดังกล่าว

ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาปัดข่าว โดยระบุว่า การหารือระหว่างนายกฯ กับนายอนุทินเป็นเรื่องงาน เช่น ยาเสพติดและชายแดน ไม่ได้พูดถึงการย้ายเก้าอี้ มท. แต่ความเงียบจากฝั่งนายกฯ และท่าทีแข็งกร้าวจากภูมิใจไทย ทำให้สถานการณ์ไม่อาจประเมินต่ำได้

เหตุใดเพื่อไทยจึงอยากได้กระทรวงมหาดไทย?

มีการวิเคราะห์จากนักการเมืองและสื่อมวลชนหลากหลายสำนักว่า พรรคเพื่อไทยมีเหตุผลเชิงกลยุทธ์ที่ต้องการควบคุมกระทรวงมหาดไทย ดังนี้:

1. ขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจใหม่: โดยเฉพาะนโยบาย Entertainment Complex ที่ต้องอาศัยกลไกของกระทรวงมหาดไทยในการดำเนินการอนุญาตและควบคุมในระดับพื้นที่

2. การเตรียมพร้อมเลือกตั้ง: กระทรวงมหาดไทยมีบทบาทในการกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีผลต่อฐานเสียงในระดับจังหวัดและอำเภอ ซึ่งถือเป็นแต้มต่อสำคัญในการเลือกตั้งทั่วไปหรือท้องถิ่นในอนาคต

3. บทบาททางปกครอง: กระทรวงมหาดไทยคือกลไกหลักในการควบคุมฝ่ายบริหารในภูมิภาค ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และฝ่ายปกครองอื่น ๆ การควบคุมตรงนี้ย่อมช่วยเสริมอำนาจทางการเมืองของพรรค

ย้อนรอย “วันช็อคมิ้นท์” และข้อตกลงลับตั้งรัฐบาล

ต้องย้อนไปยังเหตุการณ์หลังเลือกตั้งปี 2566 ที่พรรคเพื่อไทยพลิกเกมตั้งรัฐบาลโดยไม่ร่วมกับพรรคก้าวไกลหรือพรรคประชาชนในขณะนี้ จนเกิดการตกลงจัดตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคร่วมอื่น ๆ ในวันหนึ่งที่สื่อขนานนามว่า “วันช็อคมิ้นท์”

ในวันนั้น มีการตกลงกันแบบไม่เป็นลายลักษณ์อักษรว่า กระทรวงมหาดไทยจะเป็นโควต้าของภูมิใจไทย ฝ่ายนายอนุทินจึงถือสิทธิ์นี้อย่างเหนียวแน่น และไม่ยอมให้มีการเปลี่ยนแปลง จึงไม่แปลกที่ความพยายามของเพื่อไทยในการขอคืน มท. จะจุดระเบิดความขัดแย้งครั้งนี้

นายอนุทินให้สัมภาษณ์ชัดว่า “พร้อมถอนตัวจากรัฐบาล” หากต้องเสียกระทรวงมหาดไทย และย้ำว่าตนยึดมั่นในข้อตกลงที่ทำไว้ แม้จะไม่มีเอกสารหรือ MOU ก็ตาม เพราะ “เป็นเรื่องของคนรู้จักกันดี”

โอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ

หากสถานการณ์บานปลายจนพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาลจริง จะส่งผลให้พรรคเพื่อไทยต้องจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มีเสียงปริ่มน้ำ หรืออาจต้องหาพรรคร่วมอื่นมาเติมเต็มเสียงที่หายไป

จากโครงสร้างเสียงในสภาขณะนี้ หากภูมิใจไทยซึ่งมีประมาณ 70 เสียง ถอนตัวออกไป จะทำให้รัฐบาลเสียงหายไปมาก และต้องพึ่งพาพรรคเล็กหรือกลุ่ม ส.ส. อิสระ อย่างหนัก ซึ่งจะนำไปสู่ความเปราะบางในการบริหาร

ในทางกลับกัน ถ้าเพื่อไทยสามารถชักชวนพรรคฝ่ายค้านบางส่วน หรือกลุ่ม ส.ส. ที่พร้อมข้ามขั้ว มาเสริมเสียง ก็อาจประคองรัฐบาลต่อไปได้ แต่จะถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องเสถียรภาพและความชอบธรรม

แนวโน้มทิศทางการเมืองในระยะใกล้และไกล

1. การปรับ ครม. อาจไม่เกิดขึ้นทันที: ด้วยแรงต้านจากพรรคร่วมรัฐบาลที่แข็งกร้าว ทำให้การปรับ ครม. รอบนี้อาจถูกชะลอ หรือต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปที่กระทรวงอื่นก่อน

2. ความเสี่ยงต่อการยุบสภา: หากความขัดแย้งลุกลามไปถึงระดับที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมเสียงในสภาได้ อาจนำไปสู่การยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ก่อนกำหนด แม้พรรคเพื่อไทยอาจยังไม่พร้อมเต็มที่

3. ภูมิใจไทยอาจได้คะแนนนิยมเพิ่ม: ท่าทีมั่นคงของพรรคภูมิใจไทยในการรักษาคำพูดและไม่ยอมถูกลดบทบาท อาจทำให้ฐานเสียงของพรรคยิ่งเหนียวแน่นขึ้น ในขณะที่พรรคเพื่อไทยอาจถูกมองว่าขาดเสถียรภาพในการบริหารพันธมิตร

เดิมพันใหญ่เพื่อไทย เสี่ยงสะเทือนทั้งรัฐบาล

ศึกขอคืนกระทรวงมหาดไทยของพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่แค่การปรับ ครม. ธรรมดา แต่คือเกมอำนาจระดับยุทธศาสตร์ที่จะชี้ชะตาเสถียรภาพของรัฐบาลในระยะยาว

หากการดึงเก้าอี้มหาดไทยกลับมาทำให้เสียพรรคร่วมอย่างภูมิใจไทย รัฐบาลจะกลายเป็นเสียงปริ่มน้ำที่อ่อนแอทางการเมือง และหากไม่สามารถสร้างสมดุลใหม่ได้ การยุบสภาอาจกลายเป็นทางออกสุดท้าย

สถานการณ์นี้จึงเป็นบททดสอบสำคัญในฐานะนายกรัฐมนตรีของแพทองธาร ว่าจะเดินหมากอย่างไร ในเกมที่เดิมพันสูงที่สุดครั้งหนึ่งของการเมืองไทย

 

#เพื่อไทย #ภูมิใจไทย #ปรับครม #กระทรวงมหาดไทย #รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ #แพทองธาร #อนุทิน #การเมืองไทย #ข่าวการเมืองวันนี้ 

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.