สกนช.ยังจับตาสงครามอิสราเอลรายวัน หวั่นดันน้ำมันโลกพุ่ง หั่นเงินเข้ากองทุน ‘ดีเซล’ อีก 50 สตางค์ เพื่อตรึงหน้าปั๊มต่อ ส่วน LPG อาจกระทบเล็กน้อย คาดปรับอัตราชดเชยอีกครั้ง 23 มิ.ย. นี้ 

นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เรายังต้องจับตาดูสถานการณ์สงครามตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิดและต้องติดตาม ราคาน้ำมันในตลาดโลกเป็นรายวันไป ซึ่งล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล

โดยใช้กลไกอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาช่วยรักษาเสถียรภาพ และพยุงราคาน้ำมันในประเทศไม่ให้กระทบกับความต่อเนื่องในการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันฯ ในระยะยาว โดยในวันนี้ (17 มิถุนายน 2568) ได้มีมติปรับลดอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซลลงอีก 50 สตางค์/ลิตร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป

หลังจากที่วานนี้ (16 มิถุนายน 2568)ได้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ กลุ่มน้ำมันเบนซินลดลงในอัตรา 60 สตางค์/ลิตร กลุ่มน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 60 สตางค์/ลิตร แก๊สโซฮอล์ อี20 ลดลงในอัตรา 50 สตางค์/ลิตร กลุ่มน้ำมันดีเซล ลดลงในอัตรา 90 สตางค์ต่อลิตร ส่วนน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี85 ยังไม่ได้มีการปรับลดหรือเข้าไปพยุงราคา และจะติดตามสถาการณ์ต่อเนื่องไปเป็นรายวัน

สำหรับการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ครั้งนี้ เป็นมาตรการต่อเนื่องเพื่อช่วยตรึงราคาหน้าปั๊ม และบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ส่งผลให้รายรับของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันดีเซลลดลงประมาณวันละ 31.07 ล้านบาท จากเดิมที่มีรายรับประมาณวันละ 94.04 ล้านบาท เหลือประมาณวันละ 62.97 ล้านบาท ขณะที่รายรับจากกลุ่มน้ำมันเบนซินยังคงเท่าเดิม และอยู่ที่ประมาณวันละ 72.88 ล้านบาทเท่าเดิม

ส่วนราคาจำหน่าย LPG ยังคงอยู่ที่ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ทางสกนช.ได้มีการพิจารณาปรับเงินชดเชยในระยะ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง ซึ่งจะปรับอีกครั้งในวันที่ 23 มิถุนายน 2568 มีผลวันที่ 24 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป ดังนั้นในส่วนนี้อาจจะมีผลกระทบ แต่จะกระทบมากกระทบน้อยก็ต้องพิจารณาราคากันไป และอาจจะขอเก็บไปถึงวันที่ 20 มิถุนายนก่อน

ทั้งนี้ สกนช.ได้ลงนามเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2568 ประกาศ “การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุน อัตราเงินชดเชย อัตราเงินคืนจากกองทุน และอัตราเงินชดเชยคืนกองทุนสำหรับก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG)” โดยกำหนดเปลี่ยนแปลงเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในบัญชี LPG ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. 2568 เป็นต้นไป ได้ปรับลดเงินชดเชยราคา LPG ลงเป็น 2.2161 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมชดเชยอยู่ 2.5218 บาทต่อกิโลกรัม

ไม่รวม LPG จากการแยกก๊าซที่ซื้อหรือได้จากรัฐ ผู้รับสัมปทาน หรือผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) โดยโรงแยกก๊าซของบริษัท ปตท. สผ.สยาม จำกัด โดยราคาขายปลีก LPG ยังคงเท่าเดิมที่ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ถึง 30 มิ.ย. 2568 หลังจากนั้นต้องรอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาต่อไป