‘พิชัย’ เผยส่งออกไทยเดือน พ.ค.68 มูลค่า 31,044.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 18.4% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 และมูลค่าทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่มีการส่งออกมา ได้แรงหนุนจากการทำงานอย่างหนักระหว่างรัฐและเอกชน และการเร่งนำเข้าเพื่อหนีภาษีสหรัฐฯ ยอดรวม 5 เดือน 138,202 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 14.9% หวังทั้งปีโตเกิน 2 หลัก ขอ ธปท.ช่วยดูแลค่าเงินบาท เพื่อให้สินค้าไทยแข่งขันได้ดีขึ้น
18 มิ.ย. 2568 – นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทย เดือน พ.ค.2568 มีมูลค่า 31,044.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,025,477 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 18.4% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 38 เดือน นับตั้งแต่ มี.ค.2565 และมูลค่าถือเป็นการส่งออกรายเดือนที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่มีการส่งออกมา ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 29,928.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,001,162 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 18% ได้ดุลการค้า 1,116.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (24,315 ล้านบาท)
ทั้งนี้ การส่งออกรวม 5 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่า 138,202 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (4,640,426 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 14.9% การนำเข้า มูลค่า 139,325.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (4,736,361 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 11.3% ขาดดุลการค้า 1,223.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (95,936 ล้านบาท)
“การส่งออกยังขยายตัวได้ดี เป็นผลจากการทำงานร่วมกันอย่างแข่งขันของกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชน และคาดว่าเดือน มิ.ย.2568 เชื่อว่าจะยังไปได้ดี ส่วนทั้งปี ถ้าการส่งออกยังเป็นไปในทิศทางนี้ หรือทรงตัว ตัวเลขการขยายตัวมีโอกาสที่จะเป็นบวก อยากเห็นแตะระดับ 2 หลัก หวังว่าจะเกิน 10% ขึ้นไป ตอนนี้ 5 เดือนทำได้ 14.9% แล้ว ที่เหลือยังหวังขยายตัวต่อ แต่ก็ยังมีหลายปัจจัยที่ต้องจับตา” นายพิชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม การส่งออกที่เพิ่มขึ้น เป็นเพราะขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย แม้ว่าค่าเงินบาทจะไม่ได้มีส่วนช่วยสนับสนุน จึงขอเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณาค่าเงินบาทให้เหมาะสม เพื่อสนับสนุนภาคส่งออก เพราะตอนนี้ สินค้าเกษตรแข่งขันได้ยาก เมื่อเทียบกับคู่แข่ง หากอ่อนค่าลง จะทำให้ส่งออกดีขึ้นกว่านี้
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกในเดือน พ.ค.2568 ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากประเทศผู้นำเข้าเร่งสั่งซื้อสินค้า ในช่วงที่สหรัฐฯ ชะลอการบังคับใช้ภาษีต่างตอบแทนเป็นระยะเวลา 90 วัน จะบอกว่าไม่มีผลคงไม่ได้ ส่วนเดือน มิ.ย.2568 จะเป็นอย่างไร จะขยายตัวได้อีกหรือไม่ เดี๋ยวตัวเลขก็จะบอกเอง และหากการส่งออกทั้งปีจะขยายตัว 10% ตามที่นายพิชัยระบุไว้ จากนี้การส่งออกแต่ละเดือนต้องทำให้ได้มูลค่า 27,482.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับรายละเอียดการส่งออกเดือน พ.ค.2568 สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 8.1% โดยสินค้าเกษตร เพิ่ม 6.8% อุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 10.1% สินค้าสำคัญที่เพิ่ม อาทิ ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง ไก่สดแช่เย็นแช่แข็งและแปรรูป ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และผลไม้กระป๋องและแปรรูป ส่วนสินค้าที่ลดลง เช่น ข้าว ยางพารา และเนื้อสัตว์และของปรุงแต่งที่ทำจากเนื้อสัตว์ ทั้งนี้ 5 เดือนของปี 2568 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 0.2%
ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 22.9% สินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล แผงวงจรไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ส่วนสินค้าที่ลดลง อาทิ เม็ดพลาสติก เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด ทั้งนี้ 5 เดือนของปี 2568 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 19.6%
ทางด้านตลาดส่งออกสำคัญขยายตัวเกือบทุกตลาด โดยตลาดหลัก เพิ่ม 19% มาจากสหรัฐฯ เพิ่ม 35.1% จีน เพิ่ม 28.0% สหภาพยุโรป เพิ่ม 16.6% CLMV เพิ่ม 20.8% แต่อาเซียน ลด 0.3% ญี่ปุ่น ลด 0.9% ตลาดรอง เพิ่ม 18.6% จากเอเชียใต้ เพิ่ม 22.3% ทวีปออสเตรเลีย เพิ่ม 8.4% ตะวันออกกลาง เพิ่ม 22.8% แอฟริกา เพิ่ม 21.4% ลาตินอเมริกา เพิ่ม 15.9% รัสเซียและกลุ่ม CIS เพิ่ม 18% สหราชอาณาจักร เพิ่ม 20% และตลาดอื่น ๆ ลด 15%