จากการประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงาน "หน่วยบริการนวัตกรรม คลินิกทันตกรรม" ภายใต้นโยบาย "30 บาทรักษาทุกที่" โดยทพ.ธงชัย วชิรโรจน์ไพศาล ที่ปรึกษาคณะกรรมการทันตแพทยสภาวาระที่ 11 ร่วมกับ ทพ.วิวัฒน์ ฉัตรวงศ์วาน กรรมการทันตแพทยสภา และประธานคณะทำงานระบบพัฒนาสุขภาพช่องปากภายใต้สิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พร้อมด้วย นพ.พีระมน นิงสานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 5 ราชบุรี
ทพ.ธงชัย เปิดเผยว่า บริการทันตกรรมได้ให้บริการตามนโยบาย "30 บาทรักษาทุกที่" ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. 2567 โดยมีคลินิกเอกชนเข้าร่วมให้บริการอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 1,822 แห่ง หรือราว 1 ใน 3 ของจำนวนคลินิกทันตกรรมเอกชนทั้งประเทศประมาณ 6,000 แห่ง โดยการบริการอยู่ที่ 1.1 ล้านครั้งต่อปี
เขตสุขภาพที่ 1 เชียงใหม่ สูงสุด คือ ราว 1.9 แสนครั้ง/ปี โดยพื้นที่เขต 5 ราชบุรี ประกอบด้วย 8 จังหวัด ได้แก่ ราชบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม กาญจนบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ กลับมีการให้บริการน้อยที่สุด เพียงจำนวน 9,000 ครั้ง/ปีเท่านั้น และที่ราชบุรี ให้บริการเพียงประมาณ 30 ครั้ง ทางทันตแพทยสภาและ สปสช. จึงลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อทำความเข้าใจและคลายข้อสงสัยให้กับคลินิกทันตกรรมเอกชนในพื้นที่เขต 5 พร้อมชวนให้เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมมากขึ้น
"ที่นี่คลินิกทันตกรรมเอกชนยังเข้าร่วมน้อย จึงตั้งใจมาให้ความรู้ความเข้าใจ โดยเฉพาะบทบาทของคลินิกเอกชนในการดูแลสุขภาพช่องปาก เพิ่มการเข้าถึงบริการให้กับประชาชน ช่วยลดความแออัดของสถานบริการภาครัฐที่ควรดูแลผู้ป่วยเฉพาะทาง ส่วนบริการปฐมภูมิ เช่น ขูด อุด ถอน ควรใช้บริการคลินิกเอกชนที่อยู่ใกล้บ้าน เป็น First Contact Care" ทพ.ธงชัย กล่าว
เป้าหมายสำคัญการบริการของคลินิกทันตกรรมที่เข้าร่วม ไม่ใช่รักษาแบบครั้งเดียวจบ แต่เป็นการดูแลต่อเนื่อง โดย สปสช. ได้ออกแบบระบบการจ่ายชดเชยแบบรายครั้ง (Per Visit) ซึ่งผู้มีสิทธิบัตรทอง สามารถเข้าบริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 3 ครั้ง/ปี ครั้งแรกเป็นการตรวจสุขภาพช่องปาก ประเมินความเสี่ยงและให้การรักษา 1 รายการตามอาการ เช่น ขูด อุด ถอน เคลือบหลุมร่องฟัน ฯลฯ ส่วนครั้งที่ 2 และ 3 จะเป็นการรักษาตามความจำเป็น หากเกิน 3 ครั้ง ผู้ป่วยสามารถเลือกจ่ายเงินเองหรือขอส่งต่อไปโรงพยาบาลรัฐได้ตามสิทธิ
การเข้าร่วมโครงการถือว่าเป็น "Win-Win-Win" Win แรก ประชาชนได้รับบริการใกล้บ้าน ฟรี ไม่ต้องรอคิวนาน Win สอง คลินิกเอกชนที่อยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจซบเซา เป็นส่วนที่เพิ่มเสริมรายได้ และ Win สาม โรงพยาบาลรัฐลดภาระการดูแลผู้ป่วยปฐมภูมิ
ตัวอย่างเช่น การรักษารากฟันใน รพ.รัฐ อาจต้องรอคิว 3–4 ปี แต่หากสามารถกระจายบริการปฐมภูมิไปยังคลินิกเอกชน และส่งต่อเฉพาะเคสยากที่ รพ.รัฐ ก็จะเกิดระบบบริการที่สมบูรณ์แบบ และเป็น Win-Win-Win อย่างแท้จริง อย่างไรก็ดีคลินิกทันตกรรม ที่สนใจเข้าร่วม ต้องผ่านการอบรมเพื่อทราบข้อมูล กฎเกณฑ์ เงื่อนไขการให้บริการ การใช้โปรแกรม Dent Cloud หรือ FD ฯลฯ และต้องสอบผ่านเพื่อรับใบรับรองก่อนเริ่มให้บริการได้
ด้าน นพ.พีระมน นิงสานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 5 ราชบุรี กล่าวว่า เขต 5 เป็นกลุ่มจังหวัดในเฟสสุดท้ายของนโยบาย "30 บาทรักษาทุกที่" เริ่มเมื่อ 1 ม.ค. 2568 ทำให้มีหน่วยบริการนวัตกรรมที่เข้าร่วมไม่มาก โดยเฉพาะคลินิกทันตกรรม คลินิกแพทย์แผนไทย และคลินิกเทคนิคการแพทย์ ปัจจุบันมีคลินิกทันตกรรมเข้าร่วม 50 แห่ง
อย่างไรก็ดี ทางเขตเตรียมประชาสัมพันธ์ให้คลินิกเข้าร่วมมากขึ้นและแจ้งสิทธิให้ประชาชนรับรู้ โดยการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการได้ย้ายจากส่วนกลางมาอยู่ที่ สปสช. เขต จึงรวดเร็วและใกล้ชิดยิ่งขึ้น พร้อมให้การสนับสนุนแบบ One Stop Service และจะจัดประชุมออนไลน์ให้ความรู้เพิ่มเติมกับคลินิกในวันที่ 20 มิ.ย.นี้
ขณะที่ ผศ.ทพ.นัฑวิชญ์ นิยมสุจริต ผู้ก่อตั้งคลินิกทันตกรรมดีพร้อมท์ กล่าวว่า หลังเข้าร่วมนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” พบว่ามีประชาชนสนใจจำนวนมาก ปัจจุบันคิดเป็นจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งของผู้รับบริการทั้งหมด แม้ช่วงแรกต้องปรับตัวกับระบบใหม่ แต่เมื่อผ่านไปแล้วและได้เห็นผลลัพธ์จากการให้บริการ ก็รู้สึกมีความสุขมากขึ้น
"เราทราบถึงปัญหาการเข้าถึงบริการของประชาชน คลินิกเอกชนสามารถช่วยลดความแออัดของภาครัฐได้อย่างมากเป็นประโยชน์ทั้งคลินิก รัฐบาล และประชาชน จึงอยากเชิญชวนคลินิกเอกชนเข้าร่วมให้บริการกันมากขึ้นเพราะยังมีประชาชนอีกมากที่รอการรักษา" ผศ.ทพ.นัฑวิชญ์ กล่าว