ฝายดักสารพิษ-ขุดลอกแม่น้ำ แก้ปลายเหตุ 'กก-สาย' ปนเปื้อน
GH News June 22, 2025 04:13 PM

กรณีรัฐบาลตัดสินใจเดินหน้าใช้มาตรการสร้างฝายดักตะกอนสารพิษในแม่น้ำกกและขุดลอกแม่น้ำ เป็นหนึ่งในมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในพื้นที่แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย  สร้างความวิตกกังวลให้กับชาวบ้านในลุ่มน้ำกกและเสียงทักท้วงจากองค์กรพัฒนาเอกชนและนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมถึงผลกระทบจากสารพิษปนเปื้อนในแหล่งน้ำที่อาจขยายวงกว้างและยากต่อการควบคุมผลกระทบใหม่ที่จะตามมา  ซึ่งปัญหาการปนเปื้อนในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ถือเป็นวิกฤตมลพิษข้ามพรมแดน เพราะแหล่งกำเนิดมลพิษมาจากเหมืองในรัฐฉาน เมียนมาร์ ที่ปล่อยให้สารโลหะหนักจากการทำเหมืองไหลลงสู่แม่น้ำกกในไทย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน เศรษฐกิจ และระบบนิเวศ

สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิตออกโรงไม่เห็นด้วยกับแนวทางสร้างฝายดักสารพิษในลำน้ำกก เพราะแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ต้องหยุดต้นตอสารพิษด้วยการปิดเหมืองพม่าพื้นที่ต้นน้ำ โดยใช้กลไกทางการทูตหรือความตกลงลุ่มน้ำข้ามแดน เพื่อผลักดันให้มีการควบคุมหรือหยุดยั้งการปล่อยสารพิษจากต้นน้ำ ซึ่งทีมสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิตลงพื้นที่พบปะชุมชนตั้งแต่ต้นน้ำกกในไทย ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ จนถึงปากแม่น้ำกก บ้านสบกก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย  พบว่าตัวแทนชาวบ้านในลุ่มน้ำกกแสดงความกังวล และไม่เห็นด้วยกับแนวทางการสร้างฝายดักตะกอนในลำน้ำกก ระบุว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ  นำงบประมาณจำนวนมากมาสร้างฝายที่อาจไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และส่งผลต่อระบบนิเวศ มาตรการทางเทคนิคอย่างการสร้างฝายควรเป็นทางเลือกสุดท้าย ไม่ควรเป็นคำตอบแรกที่รัฐรีบดำเนินการ โดยยังไม่มีความชัดเจนเรื่องประสิทธิภาพ ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่

สำหรับโครงการสร้างฝายดักตะกอนในลำน้ำกกเป็นหนึ่งในมาตรการเร่งด่วนที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กำลังเร่งออกแบบ เพื่อรับมือกับวิกฤตปนเปื้อนโลหะหนักที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำกก ซึ่งไม่อยู่ในมาตรการข้อเรียกร้องแก้ไขปัญหาเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำกก รวก สาย โขง


ย้อนไทม์ไลน์โครงการสร้างฝายดักตะกอน เริ่มจากวันที่ 29 เม.ย. 2568 มีการประชุมร่วมระหว่างหลายหน่วยงาน มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาสารหนูที่ปนเปื้อนต้นน้ำแม่น้ำกก สาย ในที่ประชุมเสนอฝายดักตะกอนเป็นมาตรการเฉพาะหน้า หลังจากมีการเรียกร้องแก้ไขปัญหาจากภาคประชาชนเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา

ต่อมาวันที่ 8 พ.ค.  นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการฯ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมพญาพิภักดิ์ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาสารพิษโดยการสร้างฝายดักตะกอน  วันที่ 13 พ.ค. จังหวัดเชียงรายเรียกประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนแก้ปัญหาลุ่มน้ำข้ามพรมแดน นัดแรก โดยมีการนำเสนอแนวทางสร้างฝายดักตะกอนโลหะหนักในแม่น้ำกก – แม่น้ำสาย และตั้งคณะทำงาน 4 ชุด
วันที่ 22 พ.ค. นายธีระชุณ บุญสิทธิ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เปิดเผยว่า กรมฯ ร่วมกับกรมการบินพลเรือน สำรวจลำน้ำและเตรียมออกแบบฝายดักตะกอนใต้น้ำ ไม่ใช่เขื่อนกั้นน้ำ มีเป้าหมายลดสารหนูและโลหะหนักก่อนน้ำไหลผ่านชุมชน พร้อมติดตั้งกล้องสังเกตการณ์ จากนั้น ทส. ประกาศจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังสารปนเปื้อนในแม่น้ำพื้นที่เชียงใหม่–เชียงราย และมอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ำออกแบบฝายลดตะกอน  ปัจจุบันโครงการฯ อยู่ระหว่างออกแบบฝายดักตะกอนใต้น้ำในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย
ถอดบทเรียนฝายดักตะกอนจากลำห้วยคลิตี้ จ.กาญจนบุรี สู่โครงการฝายดักสารพิษแม่กก สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิตให้ภาพชัดๆ ฝายไม่ได้ดักโลหะหนักอย่างมีประสิทธิภาพตะกอนที่ปนเปื้อนสารตะกั่วมีคุณสมบัติสามารถกระจายตัวต่อในน้ำหรือเคลื่อนที่ตามการไหลของน้ำได้ แม้มีฝายตะกอนที่ถูกดักไว้บางส่วนยังถูกน้ำซัดพัดกระจายซ้ำ เมื่อมีฝนตกหนักหรือระดับน้ำเพิ่ม   ผลกระทบต่อระบบนิเวศการสร้างฝายทำให้ระบบการไหลของน้ำเปลี่ยนไป กระทบ การหมุนเวียนของออกซิเจนในน้ำ และแหล่งอาศัยของสิ่งมีชีวิต  

อีกทั้งมีความล่าช้าและขาดการมีส่วนร่วม ไม่มีการประเมินผลกระทบจากชาวบ้านอย่างเพียงพอ ชุมชนคลิตี้ล่างร้องเรียนซ้ำว่ารัฐไม่ฟังเสียงประชาชน และแนวทางที่ใช้ไม่ยั่งยืน  ค่าใช้จ่ายสูง แต่ผลไม่คุ้ม งบประมาณในโครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้รวมทั้งฝายและการล้างตะกอนใช้งบประมาณกว่า 460 ล้านบาท แต่พื้นที่ยังคงปนเปื้อน และชาวบ้านยังไม่สามารถใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภคได้เต็มรูปแบบ ขณะที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในปี 2556 ให้กรมควบคุมมลพิษรับผิดชอบฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ให้กลับสู่สภาพเดิม ชี้ว่าแนวทางที่ใช้ในอดีตไม่เพียงพอและไม่ตรงจุด จำเป็นต้องจัดทำแผนใหม่ร่วมกับชุมชน
“ การเสนอสร้างฝายดักตะกอนจะส่งผลกระทบโดยรวมต่อระบบนิเวศแม่น้ำในพื้นที่นั้นๆ โดยเฉพาะการอพยพเคลื่อนย้ายของพันธุ์ปลาในช่วงฤดูกาลวางไข่ การสร้างเขื่อนดักตะกอนยังทำให้สารเคมีไปกองอยู่เป็นจุดหลังเขื่อน ส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพในจุดนั้น ต้นตอของปัญหาการปล่อยสารพิษจากเหมือง เรายังไม่สามารถควบคุมหรือยับยั้งได้ที่ต้นเหตุ เป็นเหตุผลที่ว่าฝายดักตะกอนจึงไม่เหมาะสมในการสร้างในตอนนี้ อีกอย่างคือการแก้ไขปัญหาสารพิษปนเปื้อนในแม่น้ำกกไม่ใช่ความรับผิดชอบของคนที่ได้รับผลกระทบที่อยู่ท้ายน้ำ ควรจะเป็นความรับผิดชอบของกลุ่มทุนที่ไปลงทุนในพื้นที่ต้นน้ำ ไม่ใช่ความเสียหายที่คนไทยต้องมาแบกรับ เพราะงบประมาณที่จะนำมาใช้สร้างเขื่อนหรือฝายเป็นเงินภาษีประชาชน ต้องให้ต้นทางแก้ไขปัญหาการปล่อยสารพิษลงน้ำ ถ้าทำไม่ได้ต้องปิดเหมืองเท่านั้น”สมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต โพสต์แสดงความเห็นต่อกรณีสร้างฝายดักตะกอนแก้ปนเปื้อนแม่น้ำกก
โครงการก่อสร้างฝายดักตะกอนแก้ไขปัญหากรณีพบสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกกระยะเร่งด่วน กรมทรัพยากรน้ำ งบประมาณการก่อสร้างระยะสั้น งบฯ รวม 976 ล้านบาท  1.ระบบดักตะกอนแบบฝายและตัวกลางดูดซับชั่วคราว  10 แห่ง งบ  538ล้าน 2. แก้มลิงร่วมกับบึงประดิษฐ์ลอยน้ำ  14 แห่ง งบ  438 ล้าน
ส่วนงบประมาณก่อสร้างระยะยาว งบรวม7,640 ล้านบาท 1. ประตูระบายน้ำแบบขั้นบันไดสำหรับระยะยาว  13แห่ง งบ 7,640 ล้าน นอกจากนี้ มีงบบำรุงรักษาระยะยาว 295 ล้าน ขุดลอกตะกอน (ฝายดักตะกอน)  10 แห่ง งบ 200ล้าน/ปี 2. ขุดลอกตะกอน (แก้มลิง) 14แห่ง งบ 70 ล้าน/ปี 3. เปลี่ยนตัวกลางดูดซับชั่วคราว (ฝายดักตะกอน) 10 แห่ง งบ 23ล้านบาท/ปี 4. เปลี่ยนทุ่นดักสวะ Log Boom(ฝายดักตะกอน) 10 แห่ง งบ2 ล้าน/ปี
ส่วนสถานการณ์ผลกระทบของชุมชนในลุ่มน้ำกก นายสายัณน์ ข้ามหนึ่ง ผู้อำนวยการสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต กล่าวว่า ปัจจุบันการตรวจค่าสารโลหะหนักปนเปื้อนในแหล่งน้ำ กก สาย รวก โขง เกินค่ามาตรฐานทุกจุด ปัญหาต้องทำเร่งด่วนเป็นการจัดหาน้ำดื่ม น้ำใช้ที่สะอาดแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่นอกเขตประปาส่วนภูมิภาค ขณะนี้ชาวอำเภอแม่อาย  ต้องซื้อน้ำดื่มน้ำใช้ในราคาที่แพง คือ 1,200 ลิตร ต่อ 150 บาท ใน 1 เดือนมีค่าใช้จ่ายด้านน้ำสะอาดมากกว่า 3,000 บาทต่อครอบครัว ผลมาจากการห้ามใช้น้ำในแม่น้ำกกโดยตรง และความกังวลใจต่อคุณภาพน้ำในบ่อน้ำตื้นของชาวบ้าน ไม่กล้าเสี่ยงใช้น้ำ สารพิษข้ามแดนที่เราไม่เต็มใจรับและไม่เต็มใจจะจ่ายแก้ปัญหาสารพิษด้วยเงินภาษีเรา โดยผู้ก่อสารพิษไม่รับผิดชอบ เราไม่ได้มีหน้าที่เป็นโรงกำจัดสารพิษ เราไม่ได้ประโยชน์จากเหมืองในพม่า ว้า โดยทุนจีน การสร้างฝายดักสารพิษเท่ากับเรายอมรับ เต็มใจเป็นโรงกำจัดสารพิษข้ามพรมแดนให้ผู้ก่อมลพิษจากต้นน้ำ

กรณีที่นักวิชาการหวั่นสารหนูแพร่กระจาย เนื่องจากมีโครงการขุดลอกแม่น้ำกก แม่น้ำสายและแม่น้ำรวก เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือฤดูน้ำหลาก โดยการขุดลอกลำน้ำขึ้นมากองบนฝั่ง ทำให้เกิดข้อกังวลของประชาชนว่า อาจจะมีการปนเปื้อนสารหนูและโลหะหนักอื่นๆ เมื่อกองดินเหล่านี้อยู่บนฝั่ง อาจมีฝุ่นละอองโลหะหนักฟุ้งกระจาย และเมื่อฝนตกอาจชะล้างสารปนเปื้อนลงสู่เรือกสวนไร่นาของประชาชน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่
นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) เก็บตัวอย่างตะกอนดินที่มีการได้ขุดน้ำมากองบนฝั่ง เพื่อวิเคราะห์สารหนูและโลหะอื่น ๆ ในตะกอนดินดังกล่าว ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะรีบแจ้งผลให้หน่วยงานฯ และประชาชนทราบ   

ทั้งนี้ คพ. ได้จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ 4 จุด ได้แก่  1. ศูนย์การแพทย์แผนไทย อบต.ท่าดอน (สะพานท่าตอน) อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ 2. สวนสาธารณะน้ำกก ศาลากลางจังหวัดเชียงราย (ติดสะพานแม่ฟ้าหลวง) อ.เมือง จ.เชียงราย 3.ด่านพรมแดนแม่สายแห่งที่ 1 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย 4. สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย  ศูนย์ทั้ง 4 แห่ง จะทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลคุณภาพสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นจุดให้คำปรึกษาแก่ประชาชนเรื่องการใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและการเกษตร พร้อมเปิดรับเรื่องร้องเรียนและข้อกังวลจากชุมชนในพื้นที่

นอกจากนี้ ล่าสุด คพ.เพิ่มจุดเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมขยายการติดตามคุณภาพ “น้ำและตะกอนดิน” ให้ครอบคลุมแม่น้ำโขง-รวก เพื่อเฝ้าระวังมลพิษ แจ้งเตือน และบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ  จุดใหม่อีก 3 จุด ประกอบด้วยสถานีสูบน้ำเกาะข้าง สาขาแม่สาย จ.เชียงราย (RU01) ,ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ( RU02) และแม่น้ำโขง บ้านสบรวก ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย  (NK01) เพื่อตรวจสอบสารพิษอย่างต่อเนื่อง ป้องกันและคุ้มครองสุขภาพประชาชนและสิ่งแวดล้อม

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.