นักวิชาการด้านการศึกษา กางปัญหาครอบครัว-เด็ก หวังรัฐมนตรีฝ่ายสังคม ครม.อิ๊งค์2 เร่งแก้
GH News June 28, 2025 10:06 AM

นักวิชาการด้านการศึกษา กางปัญหาครอบครัว-เด็ก หวังรัฐมนตรีฝ่ายสังคม ครม.อิ๊งค์2 เร่งแก้

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเผยว่า 2 ปีที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีที่ดูแลกำกับฝ่ายสังคม ที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแล ได้มีผลงานอะไรบ้าง และได้ประชุมเร่งรัดเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งตนมองว่าแทบจะไม่มีผลงานอะไรเลย มองว่าหากมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ขึ้นมา อยากให้รัฐมนตรี ที่กำกับดูแลฝ่ายสังคม แอคทีฟ ประชุม เร่งรัดสร้างผลงานให้เกิดขึ้น

นายสมพงษ์ กล่าวว่า สังคมในปัจจุบัน เต็มไปด้วยความเสี่ยง สังคมผุกร่อน ครอบครัวมีหนี้สิน การศึกษาด้อยคุณภาพ เด็กเยาวชนเกิดน้อย ซึ่งตนมีข้อมูลจากการศึกษาวิจัย รวบรวมจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่ม คิด for คิดส์ ซึ่งโครงการความร่วมมือระหว่าง สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้รวบรวมปัญหาออกมาดังนี้

1.รัฐไทยต้องการความมั่นคงมากกว่าการเปลี่ยนแปลงหรือการปฏิรูปการศึกษา
2.รัฐไทยไม่ใช่เป็นรัฐสวัสดิการ แต่เป็นรัฐประชานิยม
3.ประเทศไทยไม่ได้เปลี่ยนแปลงประเทศโดยใช้ระบบงานวิจัย ในรูปแบบ R&D หรือ การวิจัยและพัฒนา แต่เป็นวิจัย R and P คือ การวิจัยเพื่อนเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการ แม้งบวิจัยจะมีมาก แต่กลับกระจุกอยู่กับคนเพียง 20-30 คน เป็นเบี้ยหัวแตก ไม่เกิดประโยชน์ทางนโยบาย
4.รัฐไทยเป็นรัฐที่มีความเหลื่อมล้ำสูงมาก คือ 16-20 เท่า แต่เสียงของครู เสียงของคนยากจน เสียงของ แต่จะพบว่า โจทย์สำคัญๆของคนระดับล่าง กับโจทย์ของผู้นำทางสังคม เป็นคนละโจทย์กัน เราจะเห็นสังคมที่ไม่ดี ไปแบบลมเพลมพัด กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งขึ้นมามีอำนาจเอานโยบายตนเองมาหาเสียง

นายสมพงษ์ กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบัน ครอบครัวไทยยากจน 70% ซึ่งคนไทยที่ยากจนมีหนี้ประมาณ 1.8 แสนบาท ซึ่งหนี้เหล่านี้ทำให้มีการส่งต่อความยากจนข้ามรุ่นอย่างรุนแรง นอกจากนี้พบว่า คนที่ยากจนมีรายได้ต่อเดือน 2,898 บาท ในขณะที่เส้นแบ่งความยากจนได้กำหนดไว้อยู่ที่ รายได้ 3,034 บาท แสดงว่าเรามีคนอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เรื่องนี้รัฐต้องมองเห็นปัญหาและเร่งแก้ไขโดยด่วน

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นต่อมาคือ สังคมไทยเผชิญภัยพิบัติที่รุนแรง ทำให้สังคมไม่สงบสุข เช่น ความไม่เสมอภาคในการรับฝุ่น PM 2.5 โดยเด็กปฐมวัยเสี่ยงที่สุดต่อการรับฝุ่น 293 วันใน 1 ปี นอกจากนี้ยังเผชิญปัญหาเรื่องภัยแล้ง โลกร้อน น้ำท่วม แผ่นดินไหว ส่วนด้านเทคโนโลยี ไปเร็วมาก เด็กเยาวชนเข้าถึงอินเตอร์เน็ตประมาณ 96-99% แต่มีความเหลื่อมล้ำสูงมาก โดยเฉพาะเรื่องคอมพิวเตอร์ระหว่างเด็กในเมืองและชนบท

“ความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ของเด็กถูกรั้งไว้ นิเวศน์การเรียนรู้เข้าถึงยาก ไม่ตอบโจทย์ อีกทั้งใน1อาทิตย์เด็กเรียนเฉลี่ย 23 ชั่วโมง เด็กแทบจะไม่มีเวลาทำกิจกรรมที่ตนถนัดและสนใจ ครูไม่มีความเปิดรับฟังความคิดของเด็ก เพราะต้องอยู่กับภาระงานที่ไม่จำเป็น ส่งผลให้ครูมีปัญหาสุขภาพจิต” นายสมพงษ์ กล่าว

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันเด็กมี 3 ความเสี่ยงใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือ 1.บุหรี่ไฟฟ้า 2.กัญชา น้ำกระท่อม และ 3.การพนันออนไลน์ จากข้อมูลพบว่าเด็ก 1 คน ใช้เงินเฉลี่ยเดือนละ 1,633 บาท เด็กจะได้รับการกระตุ้นสูงมาก ประกอบกับสภาพครอบครัวแหว่งกลาง เลี้ยงเดี่ยวเพิ่มมากขึ้น เด็กจะอยู่ห่างครอบครัวและอยู่ใกล้จอเพิ่มขึ้น เด็กมีปัญหาสุขภาพจิต และขาดเป้าหมายชีวิต การเรียนและการทำงานมีความขัดแย้งกับครอบครัวในประเด็นเหล่านี้ พ่อแม่ส่วนใหญ่อยากให้อาชีพมั่นคง เป็นข้าราชการ มีเงินเดือนประจำ ในขณะที่เด็ก อาจจะอยากเป็น คอนเทนต์ครีเอเตอร์ เป็นต้น ส่วนตลาดแรงงานพบว่า เด็กถูกจ้างงานแบบเป็นรายชิ้น ไม่มีสวัสดิการและการคุ้มครอง

นายสมพงษ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังพบเรื่องการกดทับ การสกัดกั้นทางการเมือง เด็กยังมีคดีเกี่ยวกับ ม.112 มากถึง 1,328 คดี และมีคนต้องคดี 1,974 คน การกดทับการสกัดกั้นทางการเมือง จากพื้นที่ในการแสดงออกเริ่มมีผล คือ เด็กเริ่มหันขวา และชาตินิยมเพิ่มมากขึ้น

“เรื่องเหล่านี้ถ้ายังไม่มองสังคมอย่างเข้าใจ ลึกซึ้งและไม่รีบแก้ไข ปล่อยปละละเลยให้เป็นไปอย่างที่เป็นอยู่ สังคมเราจะอยู่ไม่เป็นสุข เด็กจะเติบโตในสังคมที่เต็มไปด้วยสิ่งแวดล้อมที่อันตราย มีสุขภาพจิตไม่ดี ครอบครัวเต็มไปด้วยหนี้สิน ขาดการพูดคุย คำถามคือ ต่อไป เด็กไทยจะมีสภาพเช่นไร อยากให้รัฐมนตรีฝ่ายสังคมที่กำลังจะเข้ามานี้ เร่งหารือ วางแนวทางยกระดับสังคม ครอบครัว การศึกษา สิ่งแวดล้อม ให้เหมาะสมกับคุณภาพชีวิตเด็กไทย” นายสมพงษ์ กล่าว

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.