รัฐบาลดูไบประกาศใช้โครงการ Our Flexible Summer ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2568 ให้พนักงานภาครัฐเลือกทำงาน 4 หรือ 4.5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อส่งเสริม Work-Life Balance และความสุขพนักงาน โครงการนี้ต่อยอดความสำเร็จจากปีก่อน และแสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบราชการที่ทันสมัย
สำนักข่าว TimeOut รายงานว่า รัฐบาลดูไบได้ประกาศใช้มาตรการปรับเวลาทำงานครั้งใหญ่ในช่วงฤดูร้อน ด้วยโครงการ Our Flexible Summer ซึ่งจะให้พนักงานในภาครัฐทุกคนสามารถเลือกทำงานเพียง 4 วัน หรือ 4.5 วันต่อสัปดาห์ได้ โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นต้นไป นโยบายดังกล่าวถือเป็นการขยายผลจากความสำเร็จของโครงการนำร่องเมื่อปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว (Work-Life Balance) และส่งเสริมความสุขของพนักงานอย่างยั่งยืน
โครงการนี้จะใช้กับหน่วยงานภาครัฐทุกแห่งในดูไบ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 12 กันยายน 2568 โดยพนักงานจะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม พร้อมทางเลือกในการทำงานดังนี้
มาตรการนี้สอดคล้องกับการที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เปลี่ยนวันหยุดสุดสัปดาห์อย่างเป็นทางการ เป็นวันเสาร์-อาทิตย์ (จากเดิมคือศุกร์-เสาร์) ตั้งแต่ปี 2565 โดยให้วันศุกร์เป็นวันทำงานครึ่งวันเพื่อให้ชาวมุสลิมได้ปฏิบัติศาสนกิจ
อับดุลเลาะห์ อาลี บิน ซาเยด อัล ฟาลาซี ผู้อำนวยการกรมทรัพยากรมนุษย์ของรัฐบาลดูไบ กล่าวว่าโครงการนี้ต่อยอดมาจากความสำเร็จของโครงการนำร่องเมื่อปี 2567 ซึ่งทดลองใช้ใน 21 หน่วยงาน และพบว่าช่วยเพิ่มความพึงพอใจและความสุขของพนักงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และปรับปรุงสภาพแวดล้อมในที่ทำงานให้ดีขึ้น
อับดุลเลาะห์ กล่าวว่า “โครงการนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการพัฒสภาพแวดล้อมการทำงานของภาครัฐให้ปรับตัวและตอบสนองต่อความต้องการของพนักงานและสังคมได้ดียิ่งขึ้น” นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า “มันสะท้อนวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุมซึ่งมุ่งพัฒนาระบบราชการที่ทันสมัย ที่สร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพขององค์กรและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน”
แม้ว่านโยบายนี้จะยังไม่ถูกบังคับใช้กับภาคเอกชน แต่รัฐบาลดูไบและ UAE ได้ออกมาเรียกร้องและส่งเสริมให้บริษัทเอกชนนำนโยบายการทำงานที่ยืดหยุ่นและการทำงานทางไกล (Remote Working) มาปรับใช้ในวงกว้างมากขึ้น
โดยผลสำรวจของรัฐบาลดูไบเมื่อปลายปี 2567 พบว่า การทำงานที่ยืดหยุ่นจะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดในช่วงเวลาเร่งด่วนบนถนนสายหลักของดูไบได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับเอกสารไวท์เปเปอร์ของรัฐบาล UAE ที่ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์มากมายของนโยบายการทำงานที่ยืดหยุ่นต่อทั้งภาครัฐและเอกชน