แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจยุติการเจรจากับ แอมะซอน ไพร์ม (Amazon Prime) เกี่ยวกับการถ่ายทำสารคดีเรื่อง “All or Nothing” หลังจากบอร์ดบริหารประเมินแล้วว่าอาจเป็นสิ่งรบกวนสมาธิของทีมชุดใหญ่ในฤดูกาลหน้า

ดิ แอธเลติก สื่อดังของอังกฤษ อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดกับสโมสร ระบุว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้เวลาหลายเดือนในการพูดคุยกับ แอมะซอน ไพร์ม ในช่วงท้ายฤดูกาล 2024/25 สำหรับการถ่ายทอดสารคดี “All or Nothing” แบบเจาะลึกทุกซอกมุมของทีม

ข้อเสนอดังกล่าวมีมูลค่าเกิน 10 ล้านปอนด์ ซึ่งจะถือเป็นค่าตอบแทนสูงสุดเท่าที่ แอมะซอน เคยเสนอให้สโมสรฟุตบอลในซีรีส์นี้ ต่อจากที่เคยทำกับ อาร์เซน่อล, แมนฯ ซิตี และท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์

อย่างไรก็ตาม รูเบน อโมริม กุนซือปีศาจแดง แสดงจุดยืนชัดว่าไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว เนื่องจากมองว่าเป็นการแทรกแซงสภาพแวดล้อมของทีมชุดใหญ่ที่อาจส่งผลต่อฟอร์มในสนาม

แม้ฝ่ายบริหารของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะกลุ่มอิเนออส และซีอีโอ โอมาร์ เบอร์ราดา จะสนับสนุนโปรเจกต์นี้ในแง่พาณิชย์ โดยมองว่าจะช่วยบรรเทาภาวะการเงินของสโมสร ซึ่งมีหนี้สะสมเกิน 700 ล้านปอนด์ และไม่มีรายได้จากฟุตบอลยุโรปในซีซั่นหน้า แต่เมื่อได้รับคำแนะนำจากกุนซือชาวโปรตุกีส บอร์ดบริหารชุดใหญ่ก็ลงความเห็นร่วมกันให้ถอนตัว

นอกจากนี้ทีมยังประสบปัญหาเรื่องผู้สนับสนุน หลังสิ้นสุดดีลกับ Tezos และ Marriott โดยยังไม่มีผู้สนับสนุนชุดฝึกซ้อมรายใหม่ ขณะที่ข่าวดีล่าสุดคือ Apollo Tyres ตัดสินใจขยายสัญญาเพิ่มอีก 3 ปี

สำหรับฤดูกาลที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด จบอันดับ 15 ของพรีเมียร์ลีก และพลาดแชมป์ยูโรปา ลีก ด้วยความพ่ายแพ้ต่อ สเปอร์ส 0-1 ในรอบชิงชนะเลิศ ทำให้การเริ่มต้นยุคใหม่ของ รูเบน อโมริม ต้องการโฟกัสในเรื่องของฟุตบอลอย่างเต็มที่สำหรับฤดูกาลหน้า