'กอบศักดิ์ ' ชี้ 'ทรัมป์' ไม่ถอยเก็บภาษี สัปดาห์หน้าตัวเลขครบ เปิดฉากการค้าโลกใหม่
GH News July 10, 2025 05:07 PM

‘กอบศักดิ์’ ชี้ ‘ทรัมป์’ ไม่ถอยเก็บภาษี 1 ส.ค. นี้ของจริง คาดไม่เกินสัปดาห์หน้าตัวเลขภาษีใหม่ออกครบทุกประเทศ เปิดฉากโครงสร้างการค้าโลกใหม่ ฟันธงมีนัยสำคัญต่อภาคการส่งออกและอุตสาหกรรมไทย

10 ก.ค. 2568 – นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก ‘Kobsak Pootrakool’ ถึงกรณีการเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ระบุว่า ครั้งนี้ของจริง!!! โดยรอบนี้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คงจะไม่มีการถอยเรื่องการเก็บภาษี Tariffs ที่ประกาศออกมา ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ คนที่จะมากดดันให้ท่านประธานาธิบดีเปลี่ยนใจ ได้หายไปมาก 1. ตลาดทุน – รอบนี้ ตลาดทุนแทบจะไม่มีอาการเข่าอ่อนเช่นกับช่วงต้นเมษายน โดย Dow Jones, S&P500, Nasdaq, ตลาดพันธบัตรสหรัฐ, ค่าเงินสหรัฐ, VIX และราคาทองคำ ปรับน้อยมาก ทั้ง ๆ ที่ตัวเลข Tariffs ที่ออกมาสำหรับประเทศส่วนใหญ่ แทบจะไม่แตกต่างจากเมื่อ 2 เมษายนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะตลาดรับข่าวไปมากแล้ว และสำหรับ จีน ซึ่งเป็นคู่กรณีสำคัญนั้น สหรัฐฯ คงได้รับบทเรียนไปมาก และมีสายตรงที่จะคุยกับทีมจีน ซึ่งการที่ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ อยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงเมษายนมาก หมายความว่า ท่านประธานาธิบดีสามารถสบายใจเรื่องนี้ มีช่องให้ประกาศภาษีต่าง ๆ ที่ต้องการ โดยไม่ต้องกังวลใจเช่นรอบที่แล้ว

2. ผู้ประกอบการสหรัฐ – การที่สหรัฐยอมถอย 90 วัน และยอมเก็บที่อัตรา 10% ได้ช่วยเปิดช่องในการหายใจให้กับภาคธุรกิจสหรัฐ จากเดิม ทุกอย่างมากระทันหันมาก อัตราภาษีที่จะถูกเก็บก็สูงมาก ทำให้หลายธุรกิจปรับตัวไม่ทัน

แต่ 90 วันที่ยอมชะลอไว้ ได้เปิดช่องให้ทุกคนเร่งนำเข้า Raw Materials และสินค้าต่าง ๆ และหา Suppliers ใหม่ที่ไม่ใช่ผู้ผลิตจีน เพราะทุกคนรู้ว่า ถ้ารอผลเจรจา ยังไงก็ไม่ได้ภาษีที่ดีกว่า 10% และจีนก็จะโดนภาษีสูงกว่าคนอื่น ๆ ดังนั้น สั่งนำเข้าช่วง 90 วัน น่าจะได้ถูกที่สุดแล้ว

ทำให้ในปัจจุบัน ผู้ประกอบการสหรัฐฯ น่าจะมีสต๊อกของวัตถุดิบและสินค้าพอที่จะไปถึงปลายปีนี้ หมายถึงว่า พออัตราของทุกประเทศประกาศออกมาหมดแล้ว ก็จะมีเวลา 5-6 เดือน ในการเลือก Suppliers ที่ถูกสุดสำหรับปี 2569ความจำเป็นที่ต้องออกมากดดันท่านประธานาธิบดีจากกลุ่มนี้ จึงลดลงมาก

นอกจากนี้ การที่มีวัตถุดิบที่มีต้นทุนภาษีเพิ่มแค่ 10% ก็หมายความว่า แรงกดดันต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ ก็จะยังไม่มาก จนกระทั่งต้นปีหน้าไปแล้ว

3. ประชาชนสหรัฐ – การที่กฏหมาย One Big Beautiful Bill (OBBB) ผ่านสภาเรียบร้อย ก็มีนัยยะสำคัญเช่นกัน

เพราะเมื่อช่วงเมษายน ประชาชนมีแต่ด้านลบ จากภาษีนำเข้าที่ขึ้นมาก่อน เพราะทำได้เร็ว แต่การช่วยเหลือจากรัฐบาล ด้วยการลดภาษี No tax on tips, No tax on overtime และ No tax on Social Security benefits ตลอดจน ความช่วยเหลืออื่น ๆ ที่จัดไว้ใน OBBB (รวมถึงการช่วยเหลือเอสเอ็มอีและธุรกิจสหรัฐ) เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาผ่านสภา

แต่เมื่อกฏหมายนี้เรียบร้อยแล้ว สำหรับประชาชนสหรัฐฯ ก็จะมีสองด้าน ด้านหนึ่งต้องจ่ายเงินเพิ่มจากสินค้าที่แพงขึ้น อีกด้านกระเป๋าตังส์ที่มีเงินมากขึ้น ที่ทำให้ผลกระทบต่อประชาชนลดลง ความยอมรับ การรับได้ก็จะมากขึ้น แรงกดดันต่อท่านประธานาธิบดีในส่วนนี้ก็จะลดลง

4. การเมืองสหรัฐ – นอกจากภาคประชาชนที่นิ่งขึ้น ล่าสุด รมต.คลัง สหรัฐ Mr. Bessent ออกมาบอกว่า ตั้งแต่ต้นปีนี้ สหรัฐฯ เก็บภาษีจากการนำเข้าแล้วประมาณ 1 แสนล้านดอลล่าร์ ทั้งปี 2568 จะมีภาษีที่เก็บได้จากการนำเข้ามากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ มาช่วยปิดช่องว่างของการขาดดุลการคลัง และใช้ในการลดภาษีให้กับคนสหรัฐฯ

“ยิ่งเห็นเงินมากเช่นนี้ ท่านประธานาธิบดีก็คงยากที่จะถอยในเรื่องนี้” นายกอบศักดิ์ ระบุ

นอกจากนี้ ดีลต่าง ๆ ที่สหรัฐได้มา ที่เป็น “Good Deals” ก็จะทำให้ความยอมรับก็จะมากขึ้นเช่นกัน ทั้งหมดรวมกันแล้ว นำไปสู่ข้อสรุปเดียว

“ครั้งนี้ของจริง 1 สิงหาคม จะเป็นจุดเริ่มต้นของอัตรา Tariffs ใหม่สำหรับทุกประเทศ โอกาสที่จะชะลอรอบนี้ น้อยมาก !!! ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า เราคงจะเห็นตัวเลขครบทุกประเทศ ที่จะมากำหนด New Trade Landscape หรือโครงสร้างการค้าโลกใหม่ ว่าใครมีแต้มต่อ ใครจะได้เปรียบ ใครจะแข่งขันได้ดี ใครจะอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบ ซึ่งมีนัยอย่างยิ่งต่อระบบการค้าโลก ภาคส่งออกและภาคอุตสาหกรรมไทย ไม่นับ Tariffs อื่น ๆ ที่จะออกมาเพิ่มเติมสำหรับ BRICS สำหรับบางอุตสาหกรรมสำคัญที่ท่านประธานาธิบดี Trump จะทำคิดขึ้นมาได้ และทำต่อไป” นายกอบศักดิ์ ระบุ

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.