ยูโอบี มองไทยโดนภาษีทรัมป์สูงกว่า 20% เศรษฐกิจโตติดลบลากยาวถึงปี 69
Pornchanok July 11, 2025 10:21 AM

ธนาคารยูโอบี ประเมินพิษภาษีทรัมป์ หากเจรจาโดนสูงกว่า 20% คาดจีดีพี QoQ โตติดลบลากยาวถึงปี 69 เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย กรณีเจรจาได้ 10-15% จีดีพีโตได้ 2% แนะผู้ประกอบการปรับตัว มอง กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยไปต่ำถึงระดับ 0.50% ต่อปีได้ จากสิ้นปี 68 คาดดอกเบี้ยจบอยู่ที่ระดับ 1.25% ต่อปี เผยผลสำรวจชี้มาตรการภาษี ทำธุรกิจเผชิญภาวะหยุดชะงักบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน

นายสถิตย์ แถลงสัตยา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ และธุรกิจสัมพันธ์ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับประเด็นประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ส่งจดหมายเรื่องอัตราภาษีสินค้านำเข้า (Reciprocal Tariffs) จากไทยที่ระดับ 36% นั้น มองว่า อัตราภาษีดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอนจนกว่าจะถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ซึ่งในช่วงเวลานี้ จึงอยากเห็นคณะเจรจาไทยพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้รับอัตราภาษีในระดับเดียวกับเวียดนามที่ระดับ 20%

ทั้งนี้ พิจารณาจากประเทศเวียดนาม จะเห็นว่าเวียดนามไม่มีทางเลือกที่จะให้ 0% กับสหรัฐเพราะ 40% ของการส่งออกเวียดนามไปที่สหรัฐ และ 80% ของการส่งออกดังกล่าวมาจากบริษัทต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในเวียดนาม ขณะที่ไทยเองก็มีความได้เปรียบในเรื่องของความสัมพันธ์ที่ยาวนาน โครงสร้างสินค้า ซึ่งแม้ว่าอัตราที่ระดับ 20% จะเป็นไปได้ยาก แต่ระดับที่ 25% ถือว่ารับได้

“มองว่าไทยเองมีจุดได้เปรียบเช่นกัน โดยความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหรัฐ ที่มีความสัมพันธ์กันมากว่า 200 ปี พร้อมกันนั้น ภาคเอกชนเองก็ต้องมีการปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์การตั้งราคา, การบริหารจัดการด้านต้นทุน และการหาพันธมิตร”

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการก็ต้องมีการปรับตัวไปสู่โลกการค้าใหม่ โดยยูโอบีมองถึงโอกาสใน 3 ด้านด้วยกัน 1.New S Curve Industries 2.Low carbon economy and Sustainability และ 3.High Value-added Service ซึ่งธนาคารแนะนำในกลุ่ม Wellness และการท่องเที่ยว ซึ่งไทยเองก็มีความโดดเด่นในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ควรให้ความสำคัญในด้านการดึงดูดลงทุนซึ่งไทยมีความได้เปรียบประเทศในภูมิภาคทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ดี และภูมิศาสตร์

ดังนั้น ทางภาครัฐควรมีการผ่อนคลายหรือสร้างความสะดวกในการทำธุรกิจ (Doing Business) เพื่อดึงดูดการลงทุนหนุนการเติบโตของจีดีพีไทย โดยในปีนี้ยูโอบีมองจีดีพีไทยเติบโต 2% และมองว่าจีดีพีไทยน่าจะโตต่ำกว่า 3% ไปอีกระยะหนึ่งถึงปี 2573

ขณะที่นโยบายการเงิน มองว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) สามารถลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมได้ แต่คาดว่าจะรอลดหลังเดือนสิงหาคม เพื่อรอดูความชัดเจนของภาษี Tariffs ของสหรัฐให้ชัดเจนก่อน แต่คาดว่าภายในสิ้นปี 2568 อัตราดอกเบี้ยจะลงมาอยู่ที่ 1.25% ต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.75% ต่อปี และกรณีไทยโดนภาษีมากกว่า 20% เชื่อว่าดอกเบี้ยจะสามารถปรับลดลงไปที่ระดับ 0.50% ต่อปีได้

“กรณีพื้นฐาน เรามองจีดีพีโตได้ 2% บนสมมติฐานไทยโดนภาษี 10-15% และการส่งออก 3% แต่หากโดนภาษีมากกว่า 15% จะเห็นเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ การเติบโตจีดีพี QoQ ขยายตัว 0.1% สะท้อนเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) และหากโดนภาษีมากกว่า 20% เศรษฐกิจไทยจะติดลบ QoQ ตั้งแต่ไตรมาส 3 จนถึงต้นปี 69 ได้ อย่างไรก็ดี มาตรการภาครัฐ ควรใช้โอกาสนี้ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน”

นางวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล กรรมการผู้จัดการ Deputy CEO & Wholesale Banking ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า เผยรายงาน “UOB Business Outlook Study” ประจำปี 2568 สะท้อนแนวทางการปรับตัวของภาคธุรกิจไทยท่ามกลางความท้าทายจากการประกาศมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา และความไม่แน่นอนของห่วงโซ่อุปทานโลก

ทั้งนี้ จากการสำรวจจัดเก็บข้อมูลเมื่อมกราคม 2568 และสัมภาษณ์เพิ่มเติมในเดือนเมษายน 2568 พบว่า แม้ภาคธุรกิจไทยจะดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง แต่ยังแสดงศักยภาพในการปรับตัว ผ่านการขยายโอกาสในภูมิภาคอาเซียน เร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

โดยผลสำรวจพบว่า ภายหลังจากการประกาศมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา มากกว่า 90% ของภาคธุรกิจคาดว่าจะเผชิญกับภาวะหยุดชะงักในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน 68% คาดว่าจะปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเร็วยิ่งขึ้น และ 60% มองว่าความยั่งยืนมีความสำคัญ โดยมีมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกาเป็นปัจจัยเร่งสำคัญ

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.