พรรคคอมมิวนิสต์เตือนสหรัฐ อาเซียน ตอบโต้เด็ดขาด หากตัดจีนพ้นห่วงโซ่อุปทาน
Maam Suchitra July 12, 2025 10:42 AM

จีนเตือนรัฐบาลสหรัฐและชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ให้จุดชนวนความตึงเครียดทางการค้ารอบใหม่ โดยการกลับมากำหนดอัตราภาษีนำเข้าจีนเพิ่มขึ้นอีกในเดือนสิงหาคมนี้ อีกทั้งขู่จะเอาคืนประเทศที่บรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ โดยแลกกับการตัดจีนออกจากห่วงโซ่อุปทาน

เสียงรัฐบาลจีนเตือนผ่านบทความวิเคราะห์ หรือแสดงความเห็นในหนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลี (People’s Daily) ฉบับ 8 กรกฎาคม 2025 หนังสือพิมพ์รายวันอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ปกครองจีนอยู่ในปัจจุบัน และมีสี จิ้นผิง เป็นเลขาธิการใหญ่ของพรรค ลงนามเขียนโดย “จงเซิง” หรือ “เสียงแห่งจีน” ซึ่งเป็นคำที่ใช้แสดงมุมมองของจีนเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศเช่นเคย

ก่อนหน้านี้สหรัฐและจีนบรรลุกรอบการค้าในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้เกิดการสงบศึกชั่วคราว แต่เนื่องจากรายละเอียดหลายอย่างยังไม่ชัดเจน ทำให้ผู้ค้าและนักลงทุนทั้งสองฝ่ายเฝ้าจับตาดูว่ากรอบการค้าจะถูกทำลายหรือคลี่คลายความตึงเครียดที่ยั่งยืนยาวนานหรือไม่

เมื่อ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐเริ่มส่งหนังสือแจ้งให้คู่ค้าทราบถึงอัตราภาษีที่สูงขึ้นอย่างมาก กำหนดมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม และในระหว่างนี้ยังเปิดเจรจาให้ต่อรองได้ หลังจากที่เขาได้เลื่อนการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากทุกประเทศในเดือนเมษายน เหลือเก็บเพียง 10% ในช่วงเจรจา เพื่อให้ประเทศเหล่านั้นมีเวลาในการทำข้อตกลงกับประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสหรัฐ

จีนซึ่งในช่วงแรกเริ่มถูกสหรัฐกำหนดอัตราภาษีเกิน 100% มีเวลาจนถึงวันที่ 12 สิงหาคม ในการบรรลุข้อตกลงกับทำเนียบขาว เพื่อป้องกันไม่ให้ทรัมป์กลับมาใช้มาตรการควบคุมการนำเข้าเพิ่มเติมที่เคยบังคับใช้ระหว่างการผลัดกันขึ้นภาษีตอบโต้ที่ต่างฝ่ายต่างเรียกเก็บอีกฝ่ายเกิน 100% เมื่อเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ผ่านมา

เรียกร้องให้เจรจา

“ข้อสรุปหนึ่งที่ชัดเจนอย่างยิ่งคือการเจรจา และความร่วมมือเป็นหนทางที่ถูกต้องเพียงทางเดียว” บทความระบุวิธีในการแก้ไขความขัดแย้งกับจีน

หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ย้ำมุมมองของรัฐบาลปักกิ่งที่ว่า ภาษีทรัมป์ถือเป็นการกลั่นแกล้ง โดยเสริมว่า “การปฏิบัติที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่ามีเพียงการยึดมั่นในหลักการอย่างมั่นคงเท่านั้นที่จะสามารถปกป้องสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของตนได้อย่างแท้จริง”

คำกล่าวนี้ปูทางไปสู่สงครามภาษีรอบใหม่ หากทรัมป์ยึดมั่นในสิ่งที่หนังสือพิมพ์ระบุว่าเป็น “สิ่งที่เรียกว่าเส้นตายสุดท้าย”

สถาบันปีเตอร์สันเพื่อเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ (Peterson Institute for International Economics) กล่าวว่า อัตราภาษีนำเข้าสินค้าส่งออกของจีนไปสหรัฐโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 51.1% ขณะที่อัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐไปจีนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 32.6% โดยครอบคลุมการค้าทั้งหมดของสองฝ่าย

ไม่พอใจกับภาษี “การขนถ่ายสินค้า”

หนังสือพิมพ์พีเพิลเดลีส์ยังโจมตีประเทศต่าง ๆ ที่กำลังพิจารณาทำข้อตกลงลดภาษีกับสหรัฐ เพื่อตัดจีนออกจากห่วงโซ่อุปทาน หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเวียดนามได้รับการลดภาษีจาก 46% เหลือ 20% โดยมีข้อตกลงสำหรับสินค้าที่ “ขนส่งผ่านเวียดนาม” หรือ Transshipment หรืออีกนัยหนึ่งใช้เวียดนามเป็นทางผ่านหรือสวมสิทธิ ซึ่งโดยทั่วไปมีต้นทางจากจีนจะถูกเรียกเก็บภาษี 40%

จนถึงขณะนี้ นิยามของ “การขนถ่ายหรือขนส่งสินค้า” ยังไม่มีรายละเอียดหรือความชัดเจน

หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวระบุว่า “จีนคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อฝ่ายใดก็ตามที่ทำข้อตกลงที่ยอมแลกผลประโยชน์ของจีน เพื่อแลกกับการลดหย่อนภาษีนำเข้า”

“หากเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น จีนจะไม่ยอมรับและจะตอบโต้อย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศ” หนังสือพิมพ์พีเพิลเดลีส์ระบุ

จำกัดการค้ากับจีน

มาร์ก วิลเลียมส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์เอเชีย ของแคปิตอล อีโคโนมิกส์ ในกรุงลอนดอน วิเคราะห์ข้อตกลงสหรัฐ-เวียดนามว่า ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับจีนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเงื่อนไขการขนถ่ายสินค้าอาจทำลายข้อตกลงการค้าสหรัฐ-จีนที่เอื้อต่อการกลับมาส่งออกแร่ธาตุหายากให้สหรัฐ โดยอ้างถึงการสงบศึกชั่วคราวที่บรรลุเมื่อเดือนพฤษภาคมที่นครเจนีวาและที่กรุงลอนดอนเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

“บทเรียนสำคัญสำหรับประเทศอื่น ๆ จากข้อตกลงนี้ และที่อังกฤษตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ คือคาดว่าพวกเขาจะจำกัดการค้าบางส่วนกับจีน” วิลเลียมส์กล่าวเสริม

ปีนี้ครบรอบ 30 ปีของการคืนดีกันในความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐและเวียดนาม ซึ่งในปี 2023 สองประเทศได้ยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในลำดับชั้นทางการทูตของเวียดนาม ทั้งสองเป็นศัตรูกันในช่วงสงครามเวียดนามเป็นเวลาประมาณสองทศวรรษจนถึงปี พ.ศ. 2518 หรือปี ค.ศ 1975

อ้างอิง :

• Reuters

• The Guardian

• Nikkei Asia

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.