เงินบาทพลิกแข็งค่าท้ายสัปดาห์ หนุนจากราคาทอง จับตาภาษีทรัปม์ หุ้นไทยผันผวนแต่ฟื้นตัวจากแรงซื้อบิ๊กแคป
วันที่ 13 ก.ค.68 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท โดยเงินบาทขยับอ่อนค่าช่วงแรก แต่พลิกแข็งค่ากลับมาท้ายสัปดาห์ตามแรงหนุนของทองคำตลาดโลก ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียอื่น ๆ ในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนของการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ต่อประเทศคู่ค้าหลายประเทศ รวมถึงไทย นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC ในช่วงปลายเดือนนี้ หลังจากตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ปรับตัวลงมากกว่าคาด และบันทึกการประชุมเฟด บ่งชี้ว่า คณะกรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า เฟดไม่จำเป็นต้องเร่งปรับลดดอกเบี้ย แม้จะยังคงมองว่า ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในปีนี้ยังเป็นขาลง อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาพลิกแข็งค่าผ่านแนว 32.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงท้ายสัปดาห์ตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกท่ามกลางความกังวลในเรื่องความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ
สัปดาห์ระหว่างวันที่ 14-18 ก.ค. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.20-32.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นเกี่ยวกับมาตรการภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า (รวมถึงไทย) ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ดัชนีราคาผู้บริโภและดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนมิ.ย. ของสหรัฐฯ ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมิ.ย. และข้อมูลจีดีพีไตรมาส 2/2568 ของจีน และข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. ของอังกฤษ ยูโรโซนและญี่ปุ่น
ขณะที่ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวน แต่กลับมาปิดสูงกว่าระดับปิดสัปดาห์ก่อนเล็กน้อย ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นเล็กน้อยในช่วงต้นสัปดาห์จากคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของกนง. หลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือน มิ.ย. ของไทยยังคงติดลบต่อเนื่อง แม้จะมีปัจจัยกดดันจากประเด็นที่สหรัฐฯ เตรียมออกมาตรการควบคุมการส่งออกชิป AI มายังไทยและมาเลเซียก็ตาม อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงในเวลาต่อมาจนถึงช่วงกลางสัปดาห์ หลังมีรายงานข่าวว่าสหรัฐฯ ยืนยันเรียกเก็บภาษีตอบโต้ต่อสินค้าไทยในอัตราเดิมที่ 36% ซึ่งสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้เกิดแรงขายทำกำไรหุ้นหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า ดัชนีหุ้นไทยไม่ได้ร่วงลงแรงมากนัก เนื่องจากตลาดมองว่าสหรัฐฯ ยังเปิดช่องให้มีการเจรจาเพื่อต่อรองเพิ่มเติม สะท้อนจากการเลื่อนช่วงบังคับใช้ภาษีดังกล่าวจากเดิม 9 ก.ค. เป็น 1 ส.ค. ดัชนีหุ้นไทยกลับมาดีดตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อหุ้นบริษัทด้านพลังงานรายใหญ่แห่งหนึ่งจากข่าวการเตรียมงบลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม รวมถึงแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคปก่อนการทยอยประกาศงบไตรมาส 2/2568 ทั้งนี้นักลงทุนยังคงติดตามประเด็นนโยบายภาษีของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด
สัปดาห์ที่ 14-18 ก.ค. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,110 และ 1,100 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,130 และ 1,145 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ของบจ.ไทย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ ประเด็นเกี่ยวกับมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมิ.ย. ของสหรัฐฯ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมิ.ย. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนมิ.ย. ของจีน
#ค่าเงินบาท #ราคาทองคำ #ตลาดหุ้นไทย #ภาษีสหรัฐ #ข่าวเศรษฐกิจล่าสุด #เฟดไม่ลดดอกเบี้ย #ฟันด์โฟลว์ #ภาษีนำเข้าไทย #เงินบาทแข็งค่า #หุ้นไทย2568 #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์