รู้จักโทษของอาบัติ "ปาราชิก" พระสงฆ์เสพเมถุนกับสีกา ตกนรกขุมไหน?
เฟซบุ๊ก แจ๊คกุมารทอง - Jack Kumanthongsiam เคยโพสต์เกี่ยวกับกรณีโทษอาบัติปาราชิกของพระที่เสพเมถุน เมื่อสิ้นอายุขัยไปจากโลกมนุษย์ เขาจะเป็นอย่างไร ระบุรายละเอียดว่า
พระครูภาวนาวีรานุสิฐ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพิชยญาติการาม ให้ข้อคิดว่า หากพระ-เณร ไม่เกรงกลัวต่อพระธรรมวินัย ขอให้เกรงกลัวต่อบาปบ้าง
เพราะผู้ที่ประพฤติผิดในการเสพสังวาสขณะที่ยังบวชเป็นพระ เป็นเณร ถือว่า บาปหนักหนา ตกนรกขุมสุดท้ายคือ ขุมที่ 8 มหาอเวจีนรก (นรกเปลวไฟ)
นรกขุมที่ 8 อเวจีนรก เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ทำอนันตริยกรรม เช่น ฆ่าบิดา มารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำสงฆ์ให้แตก! กัน หรือทำพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต เสพสังวาสกับพระสงฆ์(เพศสัมพันธ์) ไม่ว่าสีกาหรือพระสงฆ์เมื่อตายแล้วก็ต้องไปตกนรกขุมที่ 8 มีชื่อว่า อเวจีนรก (ถึงแม้จะทำแค่เพียงครั้งเดียว ไม่ว่าด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ก็ถือเป็นกรรม ที่หนักมาก ต้องตกอเวจีมหานรก ได้รับ ทัณฑ์ทรมานที่แสนสาหัส มีอายุยาวนาน กว่านรกขุมอื่นๆ)
นรกในขุมนี้จะได้รับความทุกข์แสนสาหัส เป็นนรกที่ขุมใหญ่ที่สุด ราวกับเมืองใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเหล็กอันรุ่งโรจน์ ภายในมีเปลวไฟร้อนระอุไหม้สัตว์นรกอยู่ตลอดเวลาทั้งกลางคืน-กลางวันไม่มีว่างเว้นสัตว์ที่ต้องไปอุบัติในอเวจีมหานรกนี้มีมากกว่าขุมอื่นๆ แออัดยัดเยียดเบียดเบียนกันอยู่ ทั้งการเสวยทุกข์โทษในมหานรกขุมนี้ก็แตกต่างกันไปหลายอิริยาบถ หลายท่าหลายทาง เช่น ถ้าเคยยืนทำบาปอกุศลกรรมไว้ ก็ต้องมาทนทุกข์อยู่ในอิริยาบถยืน เคยเดินทำบาปไว้ ก็ต้องเดินทนทุกข์อยู่ เคยนั่งเคยนอนทำบาปไว้ ก็ต้องมานั่งมานอนเสวยทุกข์อยู่ในอเวจีมหานรกนี้ผู้ที่ทำบาปหนักถึงขุมนี้ จะมีผลกรรมให้เกิดทุกข์ในปัจจุบัน และ เลยไม่ถึงชาติหน้า
จึงอยากเตือนให้พระ เณร ที่กำลังกระทำแบบนี้ได้ ควรละเลิก และคิดติตรองว่า กระทำผิดศีล แล้วมีต่อผลร้าย ทั้งทางโลกที่สังคมติเตียนประณามและผลทางทางธรรม ที่อาจจะโดนจับสึก ผลทางกรรมที่จะบาปหนัก ตายแล้วก็ทุกข์ทรมาน
บทสรุป ไม่ว่าสีกา หรือพระสงฆ์ เมื่อลุ่มหลงเสพเมถุนไปแล้วด้วยเหตุผลใดก็ตาม เหตุได้สำเร็จแล้ว วิบาก-บาปกรรมนั้นจะเริ่มทำงานทันที พระพุทธเจ้าทรงตรัส ถึงการมีสติ! เสมอ เพราะถ้าขาดสติ ยากแก่การแก้ไข! แม้เปลี่ยนศาสนา แต่กรรมเก่าได้สำเร็จสิ้นแล้ว ย่อมติดตามชดใช้ตามวาระ
เฟซบุ๊ก ศักดิ์สิทธิ์ อ้างอิงตามพระไตรปีฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เล่ม 1 ข้อที่ 10-300 กล่าวถึง "ปาราชิก" เป็นชื่ออาบัติที่มีโทษร้ายแรงที่สุด ทำให้ภิกษุผู้ล่วงละเมิดต้องพ่ายแพ้จากสมณเพศ (ไม่นับว่าเป็นภิกษุอีกต่อไป) มี 4 กรณี คือ :
เสพเมถุน (ร่วมเพศกับคนหรือสัตว์)
ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ (ลักทรัพย์)
พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน)
กล่าวอวดอุตริมนุสธรรม (อวดธรรมที่ไม่มีอยู่ในตนให้ฆราวาสรับรู้ เช่น ฌาน อภิญญา มรรค ผล นิพพาน)
พระภิกษุต้องอาบัติปาราชิกสี่ข้อใดข้อหนึ่ง แม้จะไม่กล่าวลาสิกขาบท ก็ถือว่าขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที เมื่อความผิดสำเร็จ เมื่อขาดจากความเป็นพระแล้ว ก็ถือว่าไม่ใช่พระภิกษุอีกต่อไป ไม่สามารถอยู่ร่วมกับภิกษุอื่นหรือคณะหมู่ส่งฆ์ได้เลย ต้องลาสิกขาบทออกจากเป็นพระภิกษุทันที มิฉะนั้นจะกลายเป็นพวกอลัชชี (แปลว่า ผู้ไม่ละอาย)
นอกจากนั้นจะไม่สามารถกลับเข้ามาบวชใหม่ได้เลยตลอดชีวิต แม้จะบวชเข้ามาได้ก็ไม่ใช่พระภิกษุที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย เพราะเป็นมูลเฉทคือ ตัดรากเหง้า เปรียบเสมือนคนถูกตัดศีรษะ เป็นตาลยอดด้วน แต่ว่าไม่ห้ามขึ้นสวรรค์ ซึ่งแตกต่างกับอนันตริยกรรมที่ห้ามทั้งสวรรค์และนิพพานเพราะอาบัติปาราชิกนั้นมีไว้สำหรับเพศบรรชิต
ถ้าพระภิกษุผู้ต้องอาบัติปาราชิกนั้นสำนึกผิดและลาสิกขาบทออกจากเป็นพระภิกษุแล้วทำบุญกุศลแล้วตายไป ก็จะสามารถขึ้นสวรรค์ได้ แต่ถ้ายังดื้อด้านไม่ยอมลาสิกขาบทและครองอยู่ในผ้าเหลืองจนตาย ตายไปต้องตกนรกที่ลึกที่สุดคือ มหาขุมนรกอเวจี