ฉลุย! มติสภาฯ ยืนยันร่างเดิม พ.ร.บ.ประชามติ หลังค้างเติ่งสว.วีโต้ จ่อส่งประกาศใช้ทันที
GH News July 16, 2025 05:23 PM

สภาฯ ยืนยัน ร่างพ.ร.บ.ประชามติ ร่างเดิม ใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว 375 เสียง ด้าน”วันนอร์”จ่อส่งรัฐบาลดำเนินการประกาศใช้เป็นกฎหมาย

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม เข้าสู่วาระการพิจารณาญัตติ ขอให้ยกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่) พ.ศ. ซึ่งถูกยับยังไว้ตามมาตรา 137 (3) ของรัฐธรรมนูญ ขึ้นพิจารณาใหม่ จำนวน 2 ฉบับ ของ นายพริษฐ์​ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และ นายจาตุรนณ์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอ

นายพริษฐ์ อภิปรายว่า ร่างฉบับนี้เป็นเรื่องที่สภาผู้แทนราษฎรเคยได้ให้ความเห็นชอบไปแล้วในวาระที่สามแต่ยับยั้งไว้ 180 วันเนื่องมาจากความเห็นที่แตกต่างกัน ระหว่างเสียงข้างมากของส.ส.ที่เห็นด้วยกับการปรับกติกามติมาใช้เกณฑ์เสียงข้างมากสองชั้นกับเสียงข้างมากของส.ว. ที่เห็นควรให้คงกติกาประชามติไว้เป็นเกณฑ์เสียงข้างมากสองชั้น ทั้งนี้ตนเห็นด้วยกับการใช้เสียงข้างมากหนึ่งชั้น เพราะวันนี้นับเป็นครั้งที่ 6 จาก 1 ปีที่ผ่านมาที่ร่างกายถูกดึงกันไปดึงกันมาระหว่างสองสภา

นายพริษฐ์ กล่าวว่า เหตุผลที่ตนและพรรคประชาชนสนับสนุนให้เปลี่ยนจากกติกาเสียงข้างมากสองชั้นมาเป็นกติกาเสียงข้างมากนั้นไม่ใช่เพื่อให้ประชามติในเรื่องต่างๆผ่านง่ายขึ้นแต่เป็นเพราะเราต้องการให้มีการทำประชามติในทุกๆเรื่อง มีความเป็นธรรมมากขึ้นระหว่างฝ่ายที่อยากจะเห็นประชามติผ่านกับฝ่ายที่อาจจะไม่อยากเห็นประชามติผ่านโทรหาเราเปลี่ยนมาใช้กติกาข้างมากหนึ่งชั้นการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเป็นการปิดช่องไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์จากการรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนไม่ออกมาใช้สิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงประชามติ แต่จะเป็นกติกาที่ทำให้ทุกฝ่ายมีแรงจูงใจที่ตรงไปตรงมา ในการพยายามรณรงค์ทางความคิดของตนเองและเชิญชวนพี่น้องประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิ์และลงคะแนนเสียงให้ได้เยอะที่สุด

“วันนี้ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ส.ส.ทั้ง 409 คน ที่เคยลงมติเห็นชอบกับร่างดังกล่าวอย่างเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 21 ส.ค.67 จะยังคงยืนยันจุดยืนเดิมของตนเอง และร่างพ.ร.บ.ประชามติฉบับนี้ ก็จะผ่านความเห็นชอบของสภาฯไปได้และถูกบังคับใช้”นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า เพราะแค่ประเทศเรามี พ.ร.บ.ประชามติ ไม่เพียงพอ ถ้าเราอยากให้ประเทศเราดีขึ้นเราทุกฝ่ายในสภารวมถึงรัฐบาลต้องมาร่วมกันมองไปข้างหน้าว่าเราจะใช้ประโยชน์ จากพ.ร.บ.ฉบับนี้อย่างไร แก้ไขปัญหาให้กับประเทศและประชาชนได้ ต้นไม่ปฏิเสธว่าปัญหาเรื่องเศรษฐกิจว่าอย่างน้อยและปัญหาเรื่องความมั่นคงประชาชนผ่านเวลานี้เป็นปัญหาเร่งด่วนมากที่ไม่สามารถรอได้ และพรรคประชาชนก็พร้อมที่จะช่วยหาทางออกในการแก้ไขปัญหา แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าหลายเหตุการณ์ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาไม่ได้เป็นยั๊วะเดินตามที่ทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้นว่าระบบการเมืองของเรามีปัญหาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการโดงคดีเลือกสว.หรือตึกสตง.ถล่ม ซึ่งเป็นปัญหาที่ยังไร้คำตอบและไร้ผู้รับผิดชอบ สิ่งหนึ่งที่เชื่อมโยงปัญหาทั้งหมดคือรัฐธรรมนูญปี60 ซึ่งตนเข้าใจดีว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่ยาวิเศษที่จะแก้ปัญหาได้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐธรรมนูญ60 คือผลไม้พิษที่ส่งเสริมและเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาต่างๆ

“ไม่ว่าเราจะแก้ปัญหาด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา เราก็ต้องทำประชามติตามพ.ร.บ.ประชามติใหม่ ไม่ว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นจะต้องทำประชามติสองครั้งหรือสามครั้งเราก็ต้องทำประชามติตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฉบับใหม่ ดังนั้นเราทุกคนในที่นี้และรัฐบาลต้องคิดต่อ ตกผลิกและเดินหน้าต่อให้เร็ว คือรัฐบาลจะแก้ปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญอย่างไรจะทำประชามติเมื่อไหร่ ด้วยคำถามอะไร ซึ่งเป็นโจทย์ที่รัฐบาลไม่ควรใช้เวลานานในการคิด เพราะเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้อาจจะอยู่ต่อได้อีกไม่นานและเราจะมีการเลือกตั้งใหม่ในเร็วๆนี้ ผมคิดว่าเราควรใช้โอกาสนี้ในการทำให้มีการจัดทำประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปในครั้งถัดไป ซึ่งจะเป็นแนวทางที่สร้างความสะดวกให้กับประชาชนในการออกไปใช้สิทธิ์​ รวมถึงประหยัดงบประมาณแผ่นดินและเป็นแนวทางที่ประชามติฉบับใหม่จะช่วยทำให้ผู้ปฏิบัติงาน สามารถจัดทำประชามติพร้อมการเลือกตั้งได้อย่างสะดวกขึ้น”นายพริษฐ์​ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวว่า หากสมมุติในเร็วๆนี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาว่าต้องทำประชามติ 3 ครั้ง อย่างไรขั้นตอนแรกก็ต้องเริ่มจัดทำประชามติ หากศาลรัฐธรรมนูญยืนยันว่าทำประชามติ 2ครั้งพอ เราก็ต้องมาคิดถึงแม้กฎหมายไม่ได้บังคับว่าจะต้องทำประชามติก่อนที่รัฐสภาจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง ส.ส.ร.แต่หากมีใครกังวลว่าสว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจะไม่ยกมือสนับสนุน ก็น่าคิดว่าหากประชามติถามพี่น้องประชาชนทั่วประเทศแล้วได้คำตอบกลับมาว่าอยากเห็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร. ก็อยากจะลองดูว่าสว.จะกล้าโหวตสวนประชาชนหรือไม่ หากวันนี้ร่างพ.ร.บ.ประชามติผ่านความเห็นชอบของสภาฯไปได้ ไม่ใช่วันที่เราจะมาเฉลิมฉลอง แต่เป็นวันที่เราต้องมีคำตอบประชาชนว่าเราจะแก้ปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญกันอย่างไร ยืนยันว่าคำตอบและข้อเสนอของพรรคประชาชนมีพร้อม ท่านจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่หวังว่าหากสภาฯลงมติเห็นชอบ นายกฯและรัฐบาลจะมีคำตอบให้กับสังคมโดยเร็วว่าจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ค้างคามาหลายปีอย่างไร

ด้านนายจาตุรนต์ อภิปรายว่า เนื่องจากมีการยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ให้พิจารณาเกี่ยวกับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่าจะต้องมีการทำประชามติจำนวนกี่ครั้ง เมื่อใดบ้าง ซึ่งก็มีข่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญคงจะใช้เวลาอีกไม่นานจะมีข้อยุติออกมา และหากมีข้อยุติว่าจะต้องทำประะชามติ 3 ครั้งหมายความว่า จะต้องทำก่อนที่จะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าเรายังไม่มี พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฉบับใหม่ทันเวลา ก็จะต้องทำประชามติตามกฎหมายที่มีอยู่ ซึ่งทราบกันดีว่า กฎหมายที่มีอยู่นั้น จะเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมีกติการะบบเสียงข้างมากสองชั้น

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เป็นนโยบายที่แทบทุกพรรคการเมืองใช้หาเสียง ซึ่งการเสนอญัตติเพื่อแก้ไข ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ จากทั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน เพื่อแก้ไขสาระสำคัญเปลี่ยนการทำประชามติเป็นเสียงข้างมากชั้นเดียว แม้เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้การทำประชามติผ่านไปโดยง่ายหรือพิเศษอะไร แต่เป็นกติกาที่จะสร้างความชอบธรรมมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีการกำหนดว่าการทำประชามติต้องใช้เสียงข้างมากกี่ชั้น ทำให้ต้องย้อนไปดูรัฐธรรมนูญตัวแม่ คือฉบับปัจจุบันว่าตอนทำประชามติใช้กติกาอย่างไร หากมีการทำประชามติอีกก็ไม่ควรใช้หลักเกณฑ์ที่ต่างกัน ไม่ควรทำให้ง่ายหรือยากขึ้น และการที่สภาเห็นชอบ 3 วาระของการเดินหน้า พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติที่ผ่านมาด้วยเสียงเอกฉันท์ สร้างความหวังว่า เรากำลังเดินหน้าโดยไม่ติดขัด แต่เมื่อถูกส่งไปที่วุฒิสภา กลับมีมติเสียงข้างมากพลิกกลับ ยืนยันให้ใช้เสียงข้างมากสองชั้น

“หากใช้หลักการนี้กับการทำประชามติเรื่องอื่นๆ การจะแก้ไขอะไรก็จะยากไปด้วย ทำให้ไม่สามารถใช้กลไกประชามติเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้เกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาบ้านเมืองตามความต้องการของประชาชนได้ ภายหลังการยับยั้งร่างพ.ร.บ.ประชามติ จนพ้นเวลา 180 วันแล้ว จนถึงวันนี้ที่สภาฯต้องยืนยันร่างที่สภาฯได้เห็นชอบไป ดังนั้นผมขอให้ลงมติยืนยันตามที่สภาฯเคยให้ความเห็นชอบไปแล้ว เพื่อปลดล็อกกติกาการออกเสียงประชามติให้เป็นเสียงข้างมากชั้นเดียว เพื่อจะได้เดินหน้า สู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป”นายจาตุรนต์ กล่าว

จากนั้นเปิดให้สมาชิกอภิปรายแสดงความคิดเห็น โดยส่วนใหญ่เห็นไปในทิศทางเดียวกันคือใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว มีเพียงน.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า พรรคภูมิใจไทยพูดชัดเจนตั้งแต่วาระแรก วันนี้ยืนยันอีกครั้งว่า กฎหมายฉบับนี้ ถ้าโดยชื่อว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พรรคภูมิใจไทยเห็นด้วย แต่เมื่อเราต้องมายืนยันเนื้อหาที่อยู่ข้างใน ซึ่งกฎหมายฉบับนี้คือการออกเสียงชั้นเดียว โดยไม่คำนึงถึงผู้ใช้สิทธิ เราจึงมีความกังวลว่า การออกเสียงประชามติที่จะใช้เสียจำนวนเท่าไหร่ก็ได้ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในการออกความคิดเห็น เพราะการออกเสียงประชามติไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของรัฐธรรมนูญอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงเรื่องที่สำคัญๆ หลายอย่างในประเทศ ที่เราจะสามารถใช้การออกเสียงประชามติ เพื่อลงความเห็นของประชาชนทั้งประเทศได้

“ด้วยเหตุนี้ พรรคภูมิใจไทยจึงไม่สามารถพูดว่า เราเห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้ได้เต็มปาก เราไม่ได้กังวลแค่การออกเสียงเรื่องรัฐธรรมนูญอย่างเดียว แต่เราต้องการให้ผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งหรือผู้ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนนั้น ได้มีชั้นกรองในการออกเสียง หากในอนาคต ต้องมีการออกเสียงประชามติที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ ถ้าใช้เสียงเพียงชั้นเดียว จะมั่นใจได้อย่างไรว่า จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงเกินจำนวน ควรจะเป็นเสียงข้างมาก แต่ควรจะเป็นการออกเสียงครั้งแรกอย่างน้อยมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินครึ่งหนึ่ง แล้วการทำประชามติจะเป็นคำถามในลักษณะไหนก็ตาม ควรใช้เสียงข้างมากจากผู้ที่มาใช้สิทธิ์เกินครึ่งหนึ่ง แบบนี้จะปลอดภัยกว่าหรือไม่ ดังนั้นการที่ร่างกฎหมายฉบับนี้ ถูกนำกลับมาให้สภายืนยัน พรรคภูมิใจไทยต้องบอกว่า ไม่ถึงขั้นที่เราจะไม่เห็นด้วย เพราะเราอยู่ตรงกลางความก้ำกึ่งของฉบับนี้ เราอยากให้ พ.ร.บ.ประชามติผ่าน แต่อยากให้ผ่านด้วยความรอบคอบ ผ่านด้วยเนื้อหาที่กลั่นกรองและนับจำนวนคนผู้มาออกเสียงผู้มาใช้สิทธิ์ อย่างที่สามารถประกาศออกไปอย่างชัดเจนว่านี้คือเสียงส่วนใหญ่ของผู้ที่มาลงคะแนนเกินครึ่งหนึ่ง ในการลงประชามติในเรื่องนั้นๆ”น.ส.แนน บุณย์ธิดา กล่าว

โดยที่ประชุมได้ลงมติเพื่อยืนยันร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ร่างเดิมของสภาผู้แทนราษฎร เห็นด้วย 375 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี งดออก 80 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ว่าที่ประชุมได้ยืนยันเกินกว่ากึ่งหนึ่งคือเกินกว่า 248 เสียง จึงถือว่าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ได้รับการยืนยันจากที่ประชุม จากนี้สภาฯ จะดำเนินการส่งไปให้รัฐบาลดำเนินการตามรัฐธรรมนูญต่อไป

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.