ซีเอ็นบีซี รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันพุธ (30 ก.ค.) ว่า วอชิงตันได้บรรลุข้อตกลงการค้า “ฉบับสมบูรณ์” กับโซล โดยกำหนดอัตราภาษีนำเข้าแบบเหมารวมสำหรับสินค้าส่งออกของเกาหลีใต้ไปยังสหรัฐฯ ไว้ที่ 15%

ข้อตกลงนี้จะหมายความว่าภาษีนำเข้าจะลดลงจาก 25% ที่ทรัมป์เคยขู่ไว้ใน “จดหมายภาษีนำเข้า” ถึงโซลเมื่อต้นเดือนนี้

ทรัมป์ยังระบุไว้ในโพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Truth Social ว่าเกาหลีใต้จะ “มอบเงินทุน 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อการลงทุนที่สหรัฐฯ เป็นเจ้าของและควบคุม และเลือกโดยตัวผมเองในฐานะประธานาธิบดี”

ประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ของเกาหลีใต้ ระบุในโพสต์เฟซบุ๊กว่าเกาหลีใต้ได้สรุปการเจรจาภาษีนำเข้ากับสหรัฐฯ หลังจาก “รวบรวมความคิดเห็นที่หลากหลายและปรับปรุงกลยุทธ์ของเรา” ตามคำแปลของแถลงการณ์ของเขาในภาษาเกาหลีที่แปลผ่าน Google

อีกล่าวว่ากองทุนมูลค่า 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ “จะมีบทบาทในการอำนวยความสะดวกให้บริษัทเกาหลีเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ในอุตสาหกรรมที่เรามีจุดแข็ง เช่น การต่อเรือ เซมิคอนดักเตอร์ แบตเตอรี่สำรอง เทคโนโลยีชีวภาพ และพลังงาน”
 

ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า ภายใต้ข้อตกลงนี้ เกาหลีใต้จะซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) หรือผลิตภัณฑ์พลังงานอื่นๆ มูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากสหรัฐฯ โดยเสริมว่าเกาหลีใต้ตกลงที่จะลงทุน “เงินจำนวนมากเพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทุน” โดยไม่ได้ระบุจำนวนเงินที่แน่นอน เขากล่าวเสริมว่าสินค้าของสหรัฐฯ จะไม่ถูกเก็บภาษีใดๆ 

ทั้งนี้ ณ ปี 2567 อัตราภาษีศุลกากรที่แท้จริงของเกาหลีใต้สำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ 0.79%

อีกล่าวในโพสต์ของเขาว่า “ผมหวังว่าด้วยสิ่งนี้ ความร่วมมือทางอุตสาหกรรมระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ จะแข็งแกร่งขึ้น และพันธมิตรระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน” แต่ยังกล่าวเสริมว่าเกาหลีใต้จะยังคง “การทูตที่เน้นผลประโยชน์ของชาติ” เป็นหลักการสำคัญที่สุด