“รมช.กลาโหม” เอาตำแหน่งเดิมพัน หากมีใบสั่งขอพ้นเก้าอี้ ชี้ “นายกฯ” ไม่ก้าวก่าย ยันแก้ชายแดนไทย-เขมรไม่ช้า ห่วง“ฮุน มาเนต”โพสต์ ให้กำลังใจมวลชนเผชิญหน้าตาเมือนธม ลั่นหากถึงขั้นต้องใช้ตร.ปราบจลาจล สั่งปิดปราสาทฯทันที ด้าน “ศบ.ทก.” เผย “กต.”เตรียมโชว์หลักฐาน ปมเขมรวางทุ่นระเบิด พร้อมจ่อทำหนังสือประท้วงถึง ปธ.ออตตาวา
ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 23 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์การนักศึกษารามคำแหง ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเรียกร้องให้แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ให้เร็วที่สุด โดย พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า การทำงานของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ที่ผ่านมา ต้องรักษาสมดุลให้ดี ทั้งเรื่องความเดือดร้อนประชาชน ผู้ประกอบการ และอธิปไตย ความต้องการของประชาชนในภาพรวม ตนก็มานั่งชั่งน้ำหนัก ปัจจุบันจึงยึดแนวทางการแก้ไขปัญหาตามหน้างาน การกระทำใดๆ ก็ตามหากเกินเลย เราก็รับไม่ได้ เช่นกันการวางทุ่นระเบิดเขตอธิปไตยของเรา ซึ่งการจะเอาผิดกัมพูชา ต้องมีหลักฐานที่รัดกุม เพื่อไปยืนยันได้ว่าเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ จึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ
พล.อ.ณัฐพล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กัมพูชา ยังผิดอีกข้อหาหนึ่ง คือมีของอยู่ในครอบครอง และยืนยันว่าทางรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม พร้อมกองทัพ ทำงานเป็นไปในแนวทางเดียวกัน เราได้ประสานงาน ทั้งผู้บัญชาการเหล่าทัพ แม่ทัพภาคที่ 2 ผู้บัญชาการกองกำลัง ทุกอย่างคุยกันได้เข้าใจกันหมด อย่างกรณีที่ นายฮุน มา เนต นายกฯกัมพูชา ได้โพสต์ข้อความ ให้กำลังใจคนพวกนี้ ตนถือว่าเป็นการให้การสนับสนุน ตนก็เริ่มห่วงแล้ว ท่านจะมาบอกว่าท่านไม่รู้เรื่องไม่ได้ ถ้าไม่รู้เรื่องต้องอยู่เฉยๆ หรือห้ามปราม ลดการกระทบกระทั่ง แต่การมาโพสต์ ว่าขอขอบคุณประชาชน ในครั้งนี้เป็นการรวมพลครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ตนจึงได้พูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งปัจจุบันกระบวนการที่ทำอยู่นั้น คือให้เจ้าหน้าที่ทหารชุดประสานงานชายแดน อยู่บนปราสาทตาเมือนธมฝั่งละ 7 คนไร้อาวุธ แล้วตกลงกันว่า การที่มีประชาชนมากันมาก จะให้ขึ้นทีละกลุ่ม แต่ที่กังวลคือการมายั่วยุ และทหารเราจะเกินความอดกลั้นและหากมีการใช้อาวุธ นั้นคือความสูญเสียของพลเรือน ซึ่งหากมองไปยังสถานการณ์ที่แย่ที่สุด หากเขาสร้างสถานการณ์ขึ้นมา เราจะเป็นรองทันที จากที่เราเป็นต่อ
จากนั้นนักศึกษารามคำแหง ได้ถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะปิดปราสาทตาเมือนธม เพื่อลดความตึงเครียด พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า การดำเนินการตามกติกาสากลโลก การดำเนินการทุกอย่างจะอยู่ในความสมเหตุสมผล เราเตรียมแล้วที่จะทำตามขั้นตอน คือหากเขาเข้ามาก่อกวน เราจะให้ทหารฝ่ายกัมพูชา เชิญตัวไปออกไป แต่ถ้าไม่ไปแสดงการยั่วยุ ทำท่าจะเกิดการใช้กำลัง ถ้ายังไม่หยุดก็จะนำกองร้อยปราบจราจลของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไประงับเหตุ แล้วถ้าหากถึงขั้นการใช้เจ้าหน้าที่ปราบจราจลเมื่อไหร่เราจะขอทำการปิด ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินการตามเหตุผล ยอมรับว่าเป็นสงครามจิตวิทยาในการยั่วยุ สงครามไอโอ (IO) เราเจอของจริงแล้ว
พล.อ.ณัฐพล กล่าวอีกว่า กัมพูชาเขาทำ IO กับเราเยอะ ตนจึงเตือนสื่อว่า เวลาได้ข่าว Exclusive มาควรที่จะหันไปโจมตีกัมพูชา ไม่ใช้มาโจมตีกันเอง ยืนยันว่าตนไม่ได้เกรงใจใคร ในรัฐบาล ยืนยันได้เลย หลายคนมองว่าเราทำงานภายใต้การชักใย ตนมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าอยู่กับความจริงอยู่ได้ ตนก็ทำงานของตนด้วยความที่เป็นทหาร ได้เปรียบคือการพูดให้น้อย เขาจะไม่รู้ว่าเราคิดอะไร แต่สังคมในปัจจุบัน พอพูดน้อยก็หาว่าเราไม่ทำงาน ตนจึงใช้วิธีพูดให้ประชาชนรู้ ซึ่งก็ต้องใช้ฝีมือให้มากขึ้น เพราะบางครั้งเมื่อบอกประชาชนแล้วฝ่ายตรงข้ามก็รู้ด้วย
“นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ช่วงที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ไม่เคยมาพูดกับผมเรื่องนี้เลย หลังจากที่พยายามช่วยจนตนเองถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ ยืนยันผมมีอิสระ ขอให้ไปสืบค้นใน ศบ.ทก. ได้เลยว่า มีหน่วยงานไหนบ้าง ถ้าทุกคนบอกว่ามีใบสั่ง ผมยินดีขอปรับพ้นตัวเอง เอาคนอื่นมาทำงานแทน การที่ผมทำงานตรงนี้ ไม่ได้หวังก้าวหน้าต่อไป เพราะไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ ผมมาเฉพาะกิจ หากปรับผมออกก็ไปพักผ่อนทำสวน อยู่ตำแหน่งไหนก็ทำงานได้เหมือนกันหมด ตราบใดที่ยังอยู่ก็ทำต่อไป และไม่ได้คาดหวังว่าจะได้อยู่นานเท่าไหร่ แต่ผมจะทำจนถึงวันสุดท้าย เหมือนวิ่ง 400 เมตรรอบสนาม ผมจะวิ่งเข้าเส้นชัย ไม่มีวันเดินเข้าเส้นชัย อยู่ถึงวันไหนก็ทำให้เต็มที่ คนไทย 70 ล้านคน ถ้าพูดความจริงกับประชาชนนั้นจะไปได้ แต่ถ้าผัวเมียสองคนทะเลาะกันอย่างนั้นไปไม่ได้” พล.อ.ณัฐพล กล่าว
ก่อนที่ตัวแทนศึกษา ได้กล่าวว่า จากที่ได้ฟังคำอธิบายของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม แล้วมีความเชื่อมั่นมากกว่ารัฐบาล จนพล.อ.ณัฐพล ต้องเบรคพร้อมกล่าวว่า ไม่ต้องพูดอย่างนั้นสิ เพราะตนก็เป็นรัฐบาลด้วย ตนไม่ได้ สแตนอโลน เหมือนกันแต่มีเอกภาพ การตกลงใจทั้งสิ้นทั้งปวงก็อยู่ในคณะกรรมการทั้ง 27 ท่านเหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้สนใจรัฐบาล เมื่อตกลงได้ก็ไปนำเรียนในครม. ทางคณะรัฐมนตรีก็จะรับทราบเท่ากัน แต่ไม่ใช่ตนไปฟังคนใดคนหนึ่ง แล้วมาทำขอให้ไปตรวจสอบในศบ.ทก.ได้
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ว่า สำหรับมาตราขยายเวลาให้แรงงานกัมพูชาอยู่ในประเทศไทยตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 ก.ค.นั้น ยืนยันว่า มาตรการต่างๆ ที่เราผ่อนผันเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวไทย ผู้ประกอบการ และเจ้าของไร่และสวนต่างๆ ที่มีความจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าวในการช่วยเก็บเกี่ยวพืชผลตามฤดูกาลในช่วงนี้ เพราะเราเข้าใจว่า ทางผู้ประกอบการต่างๆ เหล่านี้มีความเดือดร้อนในเรื่องของการหาแรงงานเข้ามาช่วยเหลือ
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า กรณีการเปิดให้เยี่ยมชมปราสาทตาเมืองธม ฝ่ายไทยยังยืนยันที่จะเปิดบริการให้กับประชาชนนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมได้ตามปกติ โดยทั้งสองฝ่ายได้กำหนดมาตรการร่วมกัน โดยมีแนวทาง ดังนี้ 1.หากมีปัญหาจากนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น กรณีเป็นนักท่องเที่ยวชาติใดให้ชุดประสานงานของปราสาทชาตินั้นเป็นผู้นำตัวนักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่ 2.หากมีปัญหาในพื้นที่ ให้ชุดประสานงานในพื้นที่ของแต่ฝ่าย จำนวน 7 คน เป็นผู้ดำเนินแก้ไขปัญหา โดยไม่ต้องส่งกำลังชุดอื่นที่ไม่จำเป็นและไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเพิ่มเติม ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย และ3.ขอให้ทั้งสองฝ่ายดำเนินการคัดกรองนักท่องเที่ยวของแต่ละฝ่ายอย่างเข้มงวดก่อนขึ้นมาท่องเที่ยวบนปราสาทตามเมือนธม
ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ประชุม ศบ.ทก.ได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ว่า ฝ่ายไทยยังดำเนินการมาตรการเช่นเดิม คือ มีการควบคุมจุดผ่านแดนที่เข้มงวด แต่ไม่ได้มีการปิดด่านตามที่ฝ่ายกัมพูชาได้กล่าวหาในสื่อ โดยเป็นการบริหารจุดผ่านแดนเพื่อรักษาความปลอดภัยของประชาชน และเพื่อเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในช่วงนี้ ในเรื่องของการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติอย่างจริงจัง ซึ่งในการดำเนินการมาตรการนั้น ขอย้ำว่า ฝ่ายไทยยังคงอนุโลมการผ่านแดนสำหรับเหตุผลด้านมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในที่ประชุมได้เห็นภาพและสถิติว่า ในบางจุดผ่านแดนบางจุดมีการอนุโลมถึงหลักพันคน ทั้งนี้ ฝ่ายไทยยังคงเปิดสำหรับการขนส่งสินค้า มีเพียงฝ่ายกัมพูชาฝ่ายเดียวที่ยังคงปิดด่านอยู่
นางมาระตี กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 ก.ค.นั้น ในวันที่ 23 ก.ค. เวลา 16.00 น. กระทรวงการต่างประเทศจะจัดการบรรยายสรุปแก่คณะทูตและผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ โดยเป็นการบรรยายสรุปต่อเนื่องจากการบรรยายสรุปประจำไตรมาสของกองทัพบกเมื่อวันที่ 22 ก.ค. โดยการบรรยายสรุปของกระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นการชี้แจงการดำเนินการ ท่าที และจุดยืนของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่เคยจัดมาแล้วเป็นประจำ แต่ครั้งนี้จะเน้นเรื่องเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดเมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผู้บริหารของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งของกระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายความมั่นคงร่วมกันบรรยายสรุป ได้แก่ ปลัดกระทรวงต่างประเทศอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ และโฆษก ศบ.ทก.ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญของไทยที่จะชี้แจงข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมหลักฐานที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ได้รวบรวมและประมวลมาตั้งแต่วันเกิดเหตุ ที่สำคัญที่สุดคือ ผลของการตรวจสอบ ตรวจค้นในพื้นที่เพิ่มเติมภายหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งแน่นอนว่า กระบวนการดังกล่าวได้ผ่านการกลั่นกรองที่รอบคอบเพื่อความถูกต้องของข้อมูลก่อนที่จะส่งมาที่กระทรวงการต่างประเทศเพื่อเดินหน้าต่อในการประท้วง
นางมาระตี กล่าวว่า เรื่องนี้ขอขอบคุณฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำงานอย่างไม่ลดละตั้งแต่เกิดเหตุ เพื่อให้มั่นใจว่า การดำเนินการของฝ่ายไทยรัดกุมและตรวจสอบได้ โดยวันนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศจะทำการชี้แจงกับชาวโลกได้อย่างมั่นใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงเนื้อหาที่กระทรวงการต่างประเทศจะเดินหน้าประท้วงต่อไป ซึ่งหลังจากที่กระทรวงต่างประเทศมีหนังสือฉบับแรก คือ หนังสือประท้วงถึงฝ่ายกัมพูชาโดยตรง เพื่อประณามการกระทำที่เป็นการละเมิดอธิปไตยของไทยและเรียกร้องความรับผิดชอบจากฝ่ายกัมพูชา ส่วนฉบับที่ 2 จะเป็นหนังสือถึงญี่ปุ่น ในฐานะประธานที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา เพื่อเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อไทย ต่อประชาคมโลก ต่อประเทศและองค์กรที่สนับสนุนกัมพูชาในอดีตที่ผ่านมาในเรื่องของการเก็บกู้ทุ่นระเบิดให้พิจารณาในเรื่องนี้ด้วย ทั้งนี้ ในเวทีระหว่างประเทศ ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของแต่ละประเทศ รวมถึงคำมั่นที่ประเทศนั้นให้ไว้กับประชาคมระหว่างประเทศมีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นสิ่งที่จะทำให้ประเทศนั้นน่าคบหาและเป็นที่เคารพของประชาคมโลก ซึ่งหลังจากกระทรวงการต่างประเทศบรรยายสรุปแก่คณะทูตแล้ว ทางกระทรวงการต่างประเทศจะได้แถลงรายละเอียดให้ทราบต่อไป
นางมาระตี กล่าวว่า ขอย้ำว่าท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดในขณะนี้ รัฐบาลไทยหวังจะเห็นการแสดงออกในสื่อสังคมออนไลน์ที่สร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น เพื่อลดอุณหภูมิของความตึงเครียด และส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศที่เอื้อต่อการหาทางออกร่วมกันของสองฝ่าย เป้าหมายสำคัญของฝ่ายไทย โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศยังคงต้องการให้กลับสู่โต๊ะเจรจา เพื่อหารือและคลี่คลายสถานการณ์โดยสันติวิธี และหวังว่า ฝ่ายกัมพูชาจะตอบสนองต่อคำเชิญของฝ่ายไทยในการร่วมประชุมเจบีซีในเดือน ก.ย.