โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 โดยมีกำไรสุทธิ 1,398.55 ล้านบาท ท่ามกลางบริบทเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและยอดขายสินค้าโดยรวม เผยยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์เชิงรุกในทุกช่องทางการขาย ทั้งหน้าร้านและออนไลน์ เพื่อรักษาศักยภาพในการแข่งขัน
31 ก.ค. 2568 – นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,398.55 ล้านบาท แม้เผชิญกับสภาพเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนฤดูร้อนที่สั้นกว่าปกติซึ่งส่งผลต่อยอดขายกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าทำความเย็น แต่ HMPRO ยังคงสามารถรักษาความแข็งแกร่งของธุรกิจไว้ได้อย่างมั่นคง ด้วยการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการปรับกลยุทธ์ในเชิงรุกทั้งออฟไลน์และออนไลน์
“ไตรมาสนี้ถือเป็นบททดสอบที่สำคัญของธุรกิจค้าปลีก เราต้องรับมือทั้งกำลังซื้อที่ชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และผลกระทบจากฤดูร้อนที่สั้นลงกว่าทุกปี ซึ่งส่งผลต่อยอดขายสินค้าทำความเย็นโดยตรง อย่างไรก็ตาม โฮมโปรยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนและดำเนินแผนกลยุทธ์ในเชิงรุกได้อย่างต่อเนื่อง จึงยังคงรักษาผลกำไรในระดับที่น่าพอใจ และตอกย้ำความแข็งแกร่งของโครงสร้างธุรกิจที่เรามี” นายวีรพันธ์ กล่าว
ทั้งนี้ รายได้รวมในไตรมาสนี้อยู่ที่ 17,456.81 ล้านบาท ลดลง 5.82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 4.42% สะท้อนการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ รายได้จากค่าเช่ายังขยายตัว 3.72% จากการบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าและสาขาที่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว
นายวีรพันธ์ กล่าวว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการใช้พื้นที่ขายอย่างคุ้มค่าผ่านโมเดล Hybrid Store ควบคู่กับการยกระดับบริการ CHANG HomePro ให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เช่น HomePro Super Expo และ Double Day ซึ่งช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและเพิ่มความถี่ในการเข้าชมทั้งหน้าร้านและออนไลน์
“เรายังคงยึดหลักการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบและยืดหยุ่น เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที และที่สำคัญคือ เรายังมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งผ่านการบริหารจัดการความเสี่ยงทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ โดยมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนเพียง 0.61 เท่า อีกทั้งยังมีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ 23.75% ซึ่งยังคงอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม แม้ในสภาวะที่ท้าทาย”
นายวีรพันธ์ อีกว่า ในระยะสั้น บริษัทฯ ยอมรับว่ายังต้องเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่อ่อนแรง อย่างไรก็ตาม จากโครงสร้างธุรกิจที่มั่นคง ระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก ทำให้ HMPRO ยังคงเป็นหนึ่งในหุ้นค้าปลีกคุณภาพ ที่นักลงทุนสามารถพิจารณาเก็บเข้าพอร์ตได้ในจังหวะที่ราคายังไม่สะท้อนศักยภาพที่แท้จริง
“เรามั่นใจว่า เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว โฮมโปรจะสามารถกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาว เพราะเราได้วางรากฐานธุรกิจไว้อย่างรอบด้าน ทั้งในด้านสินค้า บริการ พื้นที่ขาย และการดูแลลูกค้า” นายวีรพันธ์กล่าวสรุป