นักแสดงหนุ่มมากฝีมือที่เป็นที่รู้จักจากผลงานละครโด่งดังและโฆษณาโดดเด่นมากมาย รวมทั้งมีผลงานการแสดงภาพยนตร์ให้เป็นที่จดจำอย่างบทเด็กหนุ่มไร้เดียงสาในความรักที่ต้องการใช้ชีวิตนอกกรอบของครอบครัวใน “Timeline จดหมาย ความทรงจำ” (2557) และหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นผู้ออกตามหาชาติกำเนิดจนตกหลุมรักหญิงคณิกาใน “อโยธยา มหาละลวย” (2564)
ล่าสุด “เจมส์จิ” จะพลิกคาแร็กเตอร์สุดขั้วเป็น “บาทหลวงหนุ่ม” ผู้ต้องต่อกรและปราบปีศาจร้ายสุดสยองใน “ท่าแร่” (2568) ซึ่งถือเป็นการแสดงภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องแรก งานนี้เขายังคงทุ่มเทอย่างเต็มที่ให้กับการแสดงที่เขารัก และเข้าถึงบทบาทด้วยความสามารถและเสน่ห์เฉพาะตัว โดยได้รับความรู้และคำแนะนำจากบาทหลวงตัวจริง รวมถึงหนังเรื่องนี้ก็ยังเปิดโลกความเชื่อและความศรัทธาที่แตกต่างให้กับเขาอีกด้วย
เขาทุ่มเทกับการทำการบ้านมาก แล้วมีนเขาถ่ายทอดออกมาได้น่ารัก ตอนที่ได้เห็นเซอร์ไพรส์กับคาแร็กเตอร์เขาและสิ่งที่เขาถ่ายทอดออกมา อยากให้ทุกคนได้เห็น เขาแยกคาแร็กเตอร์ตอนที่เป็นหมอเหยากับตอนที่เป็นคนปกติได้ชัดเจน พอเล่นด้วยกันมันก็ลื่นไหลครับ มีนเขาเป็นคนเฮฮา มีความตลกพอๆ กัน พอเราเข้าฉากเราก็จะปรึกษากัน โอเค อยากจะไปเวย์ไหน จะทำอะไรบ้าง
การร่วมงานกับ “แพรวา ณิชาภัทร” ที่รับบทเป็น “มาลี”?
“แพรวา” เป็นคนที่ตั้งใจทำงานมากเลยครับ ตัวจริงเขาเป็นคนเฮฮานะ แต่ส่วนใหญ่เขาจะค่อนข้างจริงจังกับการทำสมาธิกับตัวละครนั้น บางจังหวะที่นอกซีน ผมเห็นแล้วละว่าบางทีเขาก็อยากจะหันมาเล่นบ้าง แต่เขาต้องพยายามทำสมาธิ เพราะว่าในคาแร็กเตอร์ของ “มาลี” มันก็มีอะไรที่ค่อนข้างซับซ้อน แล้วเขาก็ต้องเล่นในมุมของเขาให้ออกมาชัดเจนที่สุดเลย ก่อนเข้าฉากเขาจะไปนั่งทำอารมณ์คนเดียว พอเข้าฉากเขาก็จะเป็นตัวละครตัวนั้นเลย
ผมก็ชอบไปแหย่เขานะ บางทีก็ส่งมุกตลกๆ ให้เล่นต่อ แต่แพรวาไม่เล่นต่อ เขาบอกว่าจริงๆ ก็อยากเล่นด้วยนะ แต่ถ้าเขาเล่นไปเรื่อยเขาจะช็อร์ตไปเลย เลยไม่กล้าเล่นต่อด้วย ก็เห็นในความตั้งใจทำงานของเขามาตลอด ในส่วนของตัวมาลี แพรวาก็ถ่ายทอดออกมาได้ลึก มีอะไรหลายๆ อย่างที่ถ่ายทอดออกมาได้ชัดเจนทั้งสายตาและน้ำเสียง
การทำงานร่วมกับ “พี่เอก ธเนศ” ผู้รับบทเป็น “ตามิ่ง”?
ผมติดตาม “พี่เอก ธเนศ” ได้ดูผลงานของพี่เอกมาตลอดเลย เขาเล่นบทที่ลึกและเข้มข้นมากๆ มาทั้งนั้น แล้วพอมาเจอกันตั้งแต่วัน “รีดทรู” (Read-through) ก็รู้ว่าพี่เอกคือพยายามทำความเข้าใจแล้วก็ดีไซน์ตัวละครออกมาให้ตรงกับที่ “พี่คุ้ย” ผู้กำกับต้องการ ถือว่าแกเป็นคนที่สุดยอดคนหนึ่งในด้านการแสดงเลยครับ
ด้วยบทของ “ตามิ่ง” จะเป็นบทที่ปล่อยพลังงานตลอดเวลา เดี๋ยวป่วยนอนหมดแรง เดี๋ยวมีแรงมีกำลัง MVP ไม่แพ้คาแร็กเตอร์ไหนเลยครับ ก่อนที่จะเข้าฉากด้วยกัน ผมอ่านบทแล้วก็เห็นว่าโห...บทของพี่เอกนี่โหดมาก ไหนจะต้องมีสลิง มีกระโดด วันที่เจอกันตอนวันฟิตติงผมก็ถามพี่เอกว่าต้องเล่นขนาดนี้เลยจะทำยังไง พอมาวันที่เข้าฉากกันจริงจังพี่เอกเหมือนวัยรุ่นคนหนึ่ง ทั้งสลิงและการแสดงที่ต้องใช้สเปเชียลเอฟเฟกต์ไม่สามารถเป็นอุปสรรคได้เลย ผมคิดในใจไม่คิดว่าพี่เอกจะเล่นได้ขนาดนี้เลย ยอมใจมาก สุดจริงในเรื่องของสปิริตการแสดง พี่เอกทำการบ้านตลอดเวลาและก็เปิดรับอะไรใหม่ๆ เสมอ ตอนแรกเข้าใจว่าพี่เอกจะต้องคุยด้วยยากแน่ๆ เพราะเขารุ่นใหญ่ แต่เปล่าเลย พี่เอกเหมือนวัยเดียวกันที่เข้าใจพวกเรา รับฟัง พูดคุย ผมเคารพมากเลยครับเจอแบบนี้
ทำงานร่วมกับ “พี่คุ้ย ทวีวัฒน์” (ผู้กำกับ) ครั้งแรกเป็นยังไงบ้าง?
ผมเคยฟังสัมภาษณ์ “พี่คุ้ย” ครั้งหนึ่ง จำรายการไม่ได้ละฮะ พี่เขาก็เล่าว่าทำงานเป็นผู้กำกับทั้งภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ ภาพตอนนั้นเราคิดว่าพี่คุ้ยแกน่าจะเป็นคนเก่งที่แนวๆ ติสต์ๆ คนหนึ่ง แต่พอมาเจอตัวจริงตลกทุกวินาทีที่มีโอกาสเลย ขนาดกำลังบรีฟซีนที่กำลังซีเรียสๆ ก็เล่นมุกตลกมาเฉย ชอบแหย่ ชอบเหย้า เวลาที่แกนั่งอยู่หน้ามอนิเตอร์ พี่คุ้ยแกก็จะวาดภาพ อยากได้แบบนี้ ภาพแบบนี้ เขาเป็นคนที่มีภาพที่อยากได้ค่อนข้างชัดเจน ทำให้การทำงานออกมาตรงเวลาพอควร เขาจะรู้ละว่าซีนนี้ต้องการอะไร แล้วต่อไปเอาแค่ไหนพอ
ทั้งตัวผู้กำกับและนักแสดงในเรื่องนี้รวมๆ แล้วคือเราทำงานกันค่อนข้างสนุกสนานเฮฮา พอพี่คุ้ยเฮฮาบรรยากาศในกองมันก็ไม่เครียด แต่หนังซีเรียสมากนะครับ แต่ละซีนโหดๆ ทุกคนเลย แต่มุกแพรวพราวกันหมดทั้งกอง พี่คุ้ยตัวดีเลย เป็นคนเริ่มเลยครับ
ฝากผลงานหน่อย?
ฝากด้วยนะครับกับภาพยนตร์ “ท่าแร่” กับอีกบทบาทของผมที่ไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกันว่าจะมีโอกาสได้รับเล่นกับการเป็น “บาทหลวง” รับหน้าที่มาปราบปีศาจ ผมว่ามันก็เป็นงานที่หนักมากๆ นะครับ สำหรับทีมงานและทุกคนที่พยายามจะหาข้อมูลมาทำเพื่อให้สิ่งที่เกิดขึ้นมันสมจริงมากที่สุด เพื่อมานำเสนอกับทุกๆ คน ก็ฝากติดตามและหวังว่าทุกคนจะชอบเรื่องนี้ครับ “ท่าแร่” 7 สิงหาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์