วันที่ 31 ส.ค.2568 เวลา 10.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประชุม Situation Awareness Team (SAT) ติดตามสถานการณ์สาธารณภัยและเฝ้าระวังผลกระทบจากอิทธิพลของพายุ “หนองฟ้า” แจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงภัยผ่านระบบ Cell Broadcast อพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงไปยังพื้นที่ปลอดภัย ตลอดจนเฝ้าระวังพื้นที่ท้ายน้ำเตรียมพร้อมรับมวลน้ำ พร้อมติดตั้งเครื่องจักรกลสาธารณภัยและจัดทำแนวป้องกันน้ำท่วม เพื่อป้องกันพื้นที่สำคัญ โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เสี่ยงภัยเข้าร่วมประชุม ณ ห้องกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า จากการติดตามการเคลื่อนตัวและผลกระทบจากพายุ “หนองฟ้า” ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการพยากรณ์ พบว่า เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ พายุ “หนองฟ้า” ได้อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชันเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง เคลื่อนตามแนวร่องมรสุมเข้าปกคลุมจังหวัดเลยและคาดว่าจะเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณภาคเหนือ ทำให้ประเทศไทย มีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรงบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในวันนี้ (31 ส.ค. 68) ไปจนวันพรุ่งนี้ (1 ก.ย. 68) และจะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศเมียนมาต่อไป ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่ โดยเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (31 ส.ค. 68) ปภ.ได้ส่งแจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast ไปยังพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก (อำเภอเนินมะปราง อำเภอนครไทย อำเภอวังทอง) จังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอหล่มเก่า อำเภอน้ำหนาว อำเภอหล่มสัก)
จังหวัดสุโขทัย (อำเภอบ้านด่านลานหอย อำเภอเมืองสุโขทัย อำเภอคีรีมาศ) และจังหวัดเลย อำเภอภูกระดึง เนื่องจากมีฝนตกหนักในพื้นที่และยังคงตกต่อเนื่อง ให้ประชาชนยกของขึ้นที่สูง ดูแลกลุ่มเปราะบาง และติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และขอให้จังหวัดใช้กลไกของท้องถิ่นและท้องที่แจ้งเตือนประชาชนให้ทราบสถานการณ์ รวมถึงประเมินสถานการณ์ภัย ทั้งอุทกภัยและภัยจากดินโคลนถล่มอย่างใกล้ชิด หากพบว่าสถานการณ์มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อประชาชน ขอให้ทำการอพยพประชาชนไปยังศูนย์พักพิงหรือพื้นที่ปลอดภัยภัยก่อนโดยไม่ต้องรอให้เกิดสถานการณ์
นอกจากนี้ ต้องเฝ้าระวังจังหวัดที่เป็นพื้นที่ท้ายน้ำ และจังหวัดที่อาจได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำจากเขื่อนต่าง ๆ ขอให้เตรียมพร้อมรับมวลน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำและนอกแนวคันกั้นน้ำ พร้อมติดตั้งเครื่องจักรกลสาธารณภัยไว้ในพื้นที่เสี่ยง จัดทำแนวป้องกันน้ำท่วมโดยเฉพาะพื้นที่เขตชุมชน โรงพยาบาล และพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ รวมทั้งดูแลป้องกันระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทั้งระบบไฟฟ้า ระบบประปา และระบบสื่อสาร เพื่อป้องกันและลดผลกระทบความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ในส่วนของพื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 68 - ปัจจุบัน (31 ส.ค. 68 เวลา 06.00 น.) มีจำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน สุโขทัย และพิษณุโลก รวม 8 อำเภอ 23 ตำบล 71 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,686 ครัวเรือน 5,450 คน โดยจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลาย ให้ประสาน อปท. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจความเสียหายและจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน ตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับการช่วยเหลือและเยียวยาโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ปภ.ยังคงเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด หากจังหวัดต้องการการสนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยเพิ่มเติม ขอให้ประสานมายัง ปภ. ทันที เพื่อจะได้สนับสนุนการปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ทันสถานการณ์