ถ้าพูดถึงอินโดนีเซีย แว้บแรกที่ขึ้นมาในหัวคือ บาหลี ซึ่งเป็นหนึ่งในเกาะที่มีชื่อเสียง และถ้าใครแพลนเที่ยวบาหลีคิดว่าจะเที่ยวครบจบในครั้งเดียว แนะนำว่าให้ลางานเผื่อๆ ไว้เลย เพราะอะไร มาค่ะจะเล่าให้ฟัง
ทริปนี้คร่าวๆ เราอยู่บาหลี 2 วัน ใช้เวลาเดินทางจากไทยประมาณ 4 ชั่วโมง ถึงสนามบินละงูระห์ไร ของบาหลี ประตูรูปแบบ Candi Bentar (ประตูแยก) หรือ Bali Gate ที่เป็นสัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของบาหลี เสมือนเป็นเส้นแบ่งระหว่างโลกวัตถุกับโลกจิตวิญญาณ เป็นสัญลักษณ์แห่งศรัทธาและความศักดิ์สิทธิ์ที่พบได้ทั่วเกาะแม้แต่ในสนามบินงูระห์ไร
Candi Bentar สัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของบาหลี
Candi Bentar จะมีรูปปั้น Bedogol ตั้งเป็นคู่ เพื่อสร้างสมดุลให้กับผู้ที่ผ่านเข้าออกประตู
วัดอูลันดานู บราตัน (Pura Ulun Danu Bratan) เป็นจุดหมายแรกของทริปนี้ มนต์เสน่ห์แห่งวิหารกลางน้ำ หนึ่งในแลนด์มาร์กของบาหลี และเป็น 1 ใน 5 วัดสำคัญบนเกาะบาหลี ตั้งอยู่ริมทะเลสาบบราตันที่มีความสวยงามและศักดิ์สิทธิ์
ไฮไลต์ของวัดนี้อยู่ที่วิหารหลังคา 11 ชั้น (หลังคาสำหรับเทพจะมีจำนวนคี่เสมอ) ตั้งตระหง่านอยู่กลางน้ำริมทะเลสาบบราตัน มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟ สถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวบาหลี และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ.2012
ชาวฮินดูประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่วัดอูลันดานู บราตัน
อีกทั้งวัดอูลันดานู บราตันยังปรากฏบนแบงก์ 50,000 รูเปียห์ ซึ่งเป็นแบงก์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดของอินโดนีเซียด้วย
วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 17 โดย กษัตริย์ราชวงศ์เม็งวี เพื่อใช้ทำพิธีทางศาสนาพุทธและฮินดู โดยสร้างไว้เพื่ออุทิศแด่ “เทวีดานู” เทพแห่งสายนํ้าท้องทะเลสาบบราตัน เนื่องจากทะเลสาบบราตันเป็นสายน้ำสำคัญในการชลประทานภาคกลางของบาหลี
ศาลเจ้าหลักหรือศูนย์กลางของการสักการะเทวีดานูคือ ปูราอูลันดานูบาตูร์หรือวัดแห่งทะเลสาบปล่องภูเขาไฟ ณ ทะเลสาบบาตูร์
วัดอูลันดานู บราตัน
น้ำฝนที่ไหลลงสู่ทะเลสาบบาตูร์ เป็นแหล่งน้ำหล่อเลี้ยงระบบนิเวศและเป็นแหล่งชลประทานที่สำคัญของเกาะมาตั้งแต่โบราณ จึงทำให้วัดแห่งนี้เป็นวัดที่สำคัญที่สุดของเกาะบาหลี
เราพักกันที่โรงแรมแถวชายหาดจิมบารัน ซึ่งเป็นหาดที่ขึ้นชื่อเรื่องหาดทรายขาวสะอาดสวยงาม น้ำทะเลสงบเหมาะสำหรับการว่ายน้ำและพระอาทิตย์ตกดินสุดจะโรแมนติก บรรยากาศเงียบสงบ มีร้านอาหารริมชายหาดเสิร์ฟอาหารทะเลสดใหม่
หาดจิมบารันจึงเป็นจุดชมวิวยอดนิยมสำหรับทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ความงามและบรรยากาศหาดทรายขาวกับน้ำทะเลสงบ เหมาะสำหรับการว่ายน้ำ
ระยะทางจากจุดที่เราพัก ห่างจากวัดอูลันดานู บราตัน ราว 60-65 กิโลเมตร จึงเป็นจุดหมายต่อไป
ขับรถเรื่อยๆ คิดว่าหนึ่งชั่วโมงก็เอาอยู่ แต่ทริปนี้ VIP นิดหน่อย มีรถตำรวจนำทาง น่าจะถึงที่หมายไวกว่านั้น แต่!!! หลับแล้วตื่น ตื่นแล้วหลับ ผ่านไป 2 ชั่วโมง ก็มาถึง แคนดิคุนิง (Candikuning) หมู่บ้านในบาหลีตอนกลาง ตั้งอยู่ในพื้นที่เบดูเกิล (Bedugul) ที่ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติที่สวยงามและอากาศเย็นสบาย ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดอูลันดานู บราตัน
วัดทานาล็อต ศูนย์รวมความศรัทธาของชาวบาหลี
ฝนโปรยปรายไม่ต้องใช้ร่มมีแค่หมวกก็เอาอยู่ เดินเก็บบรรยากาศมีมุมให้ถ่ายภาพสวยๆ หลายมุม โดยเฉพาะประตูแยกสไตล์บาหลีมีหลายจุด ตั้งแต่ทางเข้าวัดก่อนจะเดินไปถึงจุดวิหารกลางน้ำ เข้าไปเรื่อยๆ ก็จะเจอประตูแยกอีกหนึ่งจุดด้านใน
จุดนี้มีบริการให้เช่าชุดสไตล์บาหลี หรือ เคบายา (Kebaya) ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติของอินโดนีเซียและยังเป็นที่นิยมอย่างมากในบาหลี โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิง ประกอบด้วยเสื้อลูกไม้แขนยาว มีการปักฉลุ และจับคู่กับผ้าถุงบาติกและผ้าคาดเอว ใส่ถ่ายรูปเก๋ๆ
รถติดเราไม่ท้อ ไปต่อที่วัดทานาล็อต (Tanah Lot Temple) ซึ่งอยู่ห่างจากวัดอูลันดานู บราตัน ไม่เกิน 50 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 ชั่วโมง
ผาหินกลวงยื่นกลางทะเล บริเวณวัดทานาล็อต
วัดทานาล็อต ตั้งบนเนินหินลักษณะคล้ายเกาะที่เกิดจากการก่อตัวของหิน ซึ่งถูกกัดเซาะจนเหมือนโค้งสะพานยื่นออกมาจากตัวเกาะ เมื่อมองดูจะเหมือนกำลังลอยอยู่บนทะเล วัดนี้จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นวัดกลางทะเลที่สวยงามและอลังการ โดยเฉพาะในยามพระอาทิตย์ตกดิน อาจหลงใหลในทัศนียภาพอันงดงามที่เห็นอยู่ตรงหน้า
แต่ช่วงเวลาที่เราไปถึงประมาณบ่าย 3 โมงกว่า ช่วงน้ำลงเราสามารถเดินเข้าไปใกล้บริเวณวัดได้ แต่ไม่อนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ชั้นในสุดซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ส่วนในช่วงน้ำขึ้นวัดนี้จะดูเหมือนลอยอยู่บนมหาสมุทร อย่างน่ามหัศจรรย์
รูปปั้นนางรำ ระบำบารองตลอดทางเดินเข้าสู่วิหารกลางน้ำ
วัดทานาล็อต เป็นสถานที่สักการะบูชาเทพเจ้าผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเลของชาวฮินดู บนเกาะบาหลี ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โดยนักบวชฮินดูชื่อว่า “ดันยาง นิราร์ตะ” ซึ่งได้เดินทางมาที่ชายฝั่งแห่งนี้และเห็นก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านท่ามกลางทะเล จึงได้เลือกสถานที่นี้เพื่อสร้างวิหารบูชาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลตามความเชื่อของศาสนาฮินดู
ตำนานเล่ากันว่า บริเวณวัดแห่งนี้ได้รับการปกป้องจากงูทะเลศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเกิดจากผ้าคาดเอวของนักบวชที่ถูกเสกขึ้นมา เชื่อกันว่างูเหล่านี้คอยปกปักรักษาไม่ให้ผู้ใดมารุกรานวิหาร
นี่จึงทำให้วิหารทานาล็อตกลายเป็นศูนย์รวมแห่งความศรัทธาของชาวบาหลีมาจนถึงปัจจุบัน และยังเป็น 1 ใน 7 วัดที่ถูกสร้างริมชายฝั่งทะเลของเกาะบาหลี
ความที่การจราจรบนเกาะบาหลีหนาแน่น ทำให้เราพลาดไปไฮไลต์ที่กำลังนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ไปเยือนบาหลีคือการเดินทางไปประตูสวรรค์บาหลี (Gate of Heaven in Bali) วัดเล็มปูยางค์ (Lempuyang Temple) หนึ่งในหมุดหมายสุดฮิตของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทั้งยังมีแลนด์มาร์กเด็ดให้ถ่ายรูปสวยๆ และ Bali Swing ในอูบุด เป็นหนึ่งในชิงช้าที่โด่งดังที่สุดในบาหลี และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของบาหลีในพ.ศ.นี้
อย่างที่เกริ่นตั้งแต่ต้นว่าถ้าจะมาบาหลีต้องเผื่อเวลามาหลายวัน เพราะยังมีที่เที่ยวน่าสนใจอีกหลายที่ ไม่อยากให้พลาด
Canang Sari เครื่องเซ่นแห่งความกตัญญู
สิ่งหนึ่งที่เราสังเกตเห็นคือ Canang Sari เครื่องเซ่นแห่งความกตัญญู วางอยู่หน้าวัด บ้าน ร้านค้า หน้าโรงแรม หรือริมทางเท้าทั่วบาหลี เพื่ออัญเชิญเทพเจ้าและขอพรให้เกิดสันติสุข
ทริปนี้ เราได้มีประสบการณ์ทานดินเนอร์มื้อค่ำสุดพิเศษแบบ บาร์บีคิว ซีฟู้ด ที่ร้าน Bawang Merah Restaurant ริมชายหาดจิมบารัน เอาจริงๆ เราควรจะได้ดินเนอร์ท่ามกลางบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดิน แต่นั่นแหละยกให้การจราจรทั้งหมดเลย
ดินเนอร์มื้อค่ำสุดพิเศษ
อาหารมาเป็นเซ็ตเมนู เสิร์ฟมาเป็นสำรับ ในสำรับมีอิคานบาการ์เซการ์หรือปลาย่างสดขนาด 400 กรัม รสชาติดีเนื้อหวานธรรมชาติ ไม่คาว อูดังบาการ์ หรือ กุ้งลายเสือย่าง และกะรังบาการ์หรือหอยลายย่าง สะเต๊ะคูมิบาการ์หรือปลาหมึกย่างเสียบไม้และไก่สะเต๊ะ อร่อยหอมเตาถ่าน
เสิร์ฟมาพร้อม นาซี หรือ ข้าว ซัมบัล อุเลก เมราห์ และ มาตาห์ ซายูร์ อุรับ หรือเครื่องจิ้ม มีซอสพริกยอดนิยมของอินโดนีเซีย ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ช่วยเพิ่มรสชาติอาหารได้ดีขึ้นไปอีก
เราชอบเครื่องจิ้มเขามาก เขาเลยบอกส่วนผสมคร่าวๆ ว่า “อุเลก” มาจากวิธีการตำหรือบดเครื่องปรุงในครกแบบดั้งเดิม ส่วน “เมราห์” แปลว่า แดง โดยรวมแล้ว เครื่องจิ้มของที่นี่ ทำจากพริกแดงสด, กระเทียม, หอมแดง, น้ำมัน, เกลือ และน้ำมะนาวเหยาะน้ำส้มสายชูเล็กน้อย ทำให้มีรสชาติเผ็ด เค็ม หอมและมีความเปรี้ยวเล็กน้อย
โดยชาวอินโดนิยมทานซัมบัลเป็นพื้นฐานคู่กับอาหารอินโดหลายอย่าง เช่น นาซีโกเร็ง (ข้าวผัด), บะกะร์ (ย่าง), และเตมเป้
ผัดหมี่โกเรงอาหารจานเด็ดประจำชาติอินโดนีเซีย
ดินเนอร์มื้อนี้ 200,000++ รูเปียห์ อินโดนีเซีย คิดเป็นเงินไทยก็ 500++ บาท
ก่อนโบกมือลาบาหลี มีน้องแนะนำให้ซื้อถั่วบาหลี “Kacang Bali Matahari” ตรามาตาฮารี หนึ่งในของฝากยอดฮิต มี 2 รสชาติ ดั้งเดิมและกระเทียม
ด้วยรสชาติกลมกล่อม เคี้ยวเพลินและกลิ่นหอมของกระเทียมทอดที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้กลายเป็นขนมขบเคี้ยวยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวต้องซื้อกลับบ้าน
สละอินโด กรอบมันแต่รสชาติสู้สละไทยไม่ได้
จะว่าไปแล้ว การมาเที่ยวบาหลีครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก แม้ครั้งนี้เจอรถติดก็ไม่ใช่เรื่องน่าหงุดหงิดเสมอไป มันคือเวลาที่เราได้เก็บภาพชีวิตนอกหน้าต่างรถ ก็ประทับใจไปคนละแบบ
ที่สำคัญยังเป็นภาพสะท้อนว่าเศรษฐกิจบาหลียังคึกคัก
วิภา สุนันท์สถาพร