เมื่อเวลา 12.05 น.วันที่ 3 ก.ย. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ว่า รัฐบาลขอรายงานสถานการณ์ ผลกระทบและการเยียวยา จากเหตุการณ์ความไม่สงบ ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.- 2 ก.ย.เกิดเหตุปะทะแล้ว 45 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 22 ราย บาดเจ็บ 40 ราย รวมทั้งหมด 62 ราย บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 885 หลังคาเรือน ขณะนี้ซ่อมแซมแล้วเสร็จ 683 หลัง คิดเป็นกว่า ร้อยละ 77 ด้านพื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 556 ไร่ ปศุสัตว์ตายและสูญหายรวม 782 ตัว โรงเรียนที่ได้รับผลกระทบ 29 แห่ง สถานที่ทางศาสนา 2 แห่ง และสถานพยาบาล 1 แห่ง
สำหรับการเยียวยา รัฐบาลได้จ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว รวม 34,346,022.57 บาท
แบ่งเป็น เงินช่วยครอบครัวผู้เสียชีวิต 32,108,658.57 บาท และการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ 2,237,364 บาท ในส่วนการใช้จ่ายเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด 201,371,391 บาท ให้กับ 6 จังหวัดได้แก่ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี สระแก้ว และตราด และการให้ความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ อีก 2,090,024 บาท
ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ยังมีมติเห็นชอบการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการเยียวยาประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 5 ส.ค. โดยให้ยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน ซึ่งครอบคลุมกรณีผู้เสียชีวิตและทุพพลภาพ 17 ราย เป็นเงิน 136 ล้านบาท และกรณีผู้บาดเจ็บสาหัส 37 ราย เป็นเงิน 29.6 ล้านบาทรวมทั้งสิ้น 165.6 ล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพดูแล เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับเงินเยียวยาอย่างครบถ้วน โดยรวดเร็วที่สุด
น.ส.ศศิกานต์ กล่าวว่า ขอเรียนแจ้งอีกครั้งว่า การทำงานของ ศบ.ทก. เป็นการบริหารงานสถานการณ์ที่เร่งด่วน แต่ภารกิจเพื่อดูแลประชาชนในทุกๆสถานการณ์ รวมถึงสถานการณ์ครั้งนี้เป็นความรับผิดชอบหลักของรัฐบาล และทุกๆ กระทรวง ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการอย่างทันท่วงที โดยประเด็นต่างๆ ของแต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ไทย- กัมพูชาจะถูกนำมาหารือในที่ประชุมศบ ทก. เพื่อบูรณาการการทำงานในภาพรวมต่อไป
น.ส.ศศิกานต์ กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันว่า ทุกหน่วยงาน ได้ร่วมมือกันทำงานอย่างเต็มกำลัง โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ การปกป้องอธิปไตยของประเทศและดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทุกคน ทั้งนี้ขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนทุกคนว่า เราไม่เพียงเร่งแก้ไขและฟื้นฟู แต่ยังใส่ใจดูแลความเป็นอยู่ ของทุกครอบครัวในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ขอให้เชื่อมั่นว่า ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และรัฐบาลจะยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชนในทุกก้าวของการก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน