การแข่งขันชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 51 ที่สนามกีฬากลาง จ.กาญจนบุรี (สนามกลีบบัว) วันที่ 7 ก.ย.68 รอบชิงชนะเลิศ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย พบ อิรัก

ทีมไทย อันดับ 102 ของโลก เป็นแชมป์ 16 สมัย และแชมป์สมัยล่าสุด ส่วน อิรัก อันดับ 58 ของโลก แชมป์ 1 สมัย สถิติการเจอกัน 5 เกมหลัง ไทย ไม่ชนะ ล่าสุดรอบชิงชนะเลิศ คิงส์คัพ ครั้งที่ 49 เสมอในเวลา 90 นาที 2-2 ก่อน อิรัก ชนะจุดโทษ

รอบแรก ไทย ชนะ ฟิจิ 3-0 ส่วน อิรัก แซงชนะ ฮ่องกง 2-1

มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย จัดผู้เล่น 11 ตัวจริง ยังไม่มี “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นนัดที่ 2 ติดต่อกัน โดยรายชื่อดังนี้

ผู้รักษาประตู ปฏิวัติ คำไหม, เซ็นเตอร์ ณัฐพงษ์ สายริยา, สุพรรณ ทองสงค์, แบ๊กขวา ศุภนันท์ บุรีรัตน์, แบ๊กซ้าย นิโคลัส มิคเกลสัน, กองกลาง พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี(กัปตันทีม), เบนจามิน เดวิส, ตัวรุก สุภโชค สารชาติ, ริมเส้นขวา ธีรศักดิ์ เผยพิมาย, ริมเส้นซ้าย ปรเมศย์ อาจวิไล, กองหน้า ศุภชัย ใจเด็ด

เกมครึ่งแรก อิรัก บุกมากกว่า มีโอกาสลุ้นจากจังหวะเตะมุม แต่ยังไม่เข้าเป้า ส่วนไทยก็ตอบโต้ได้เป็นระยะ จบครึ่งแรกเสมอ 0-0

เริ่มครึ่งหลัง ชนาธิป ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน ปรเมศย์ เกมค่อนข้างสูสี ถึงนาทีที่ 61 เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ถูกส่งลงแทน ธีรศักดิ์ เผยพิมาย

เกมของไทยดีขึ้น นาทีที่ 67 แฟนบอลได้เฮ สุภโชค สารชาติ ยิงไปโดนปัด เข้าหัว เจริญศักดิ์ เด็กเมืองกาญจน์ โหม่งซ้ำเข้าไป เรียกเสียงเฮสนั่น แต่วีเออาร์แจ้ง สุภโชค ล้ำหน้า

ถึงนาทีที่ 75 อิรัก นำ 1-0 อิบราฮิม บาเยช ได้ตั้งป้อมเปิดจากฝั่งขวา เข้าหัว โมฮานัด อาลี โขกเข้าไป

นาทีต่อมา อิรัก เหลือ 10 คน สุภโชค จะหลุดจากฝั่งซ้าย ฟรานส์ ปูโตรส อดีตนักเตะการท่าเรือ เอฟซี ไปดึง โดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดง

อิชิอิ หลายไพ่หมดมือ ส่ง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, อภิสิทธิ์ โสรฎา, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล แทน เบน เดวิส, ศุภนันท์ และ พีรดนย์

เวลาที่เหลือ ไทยบุกหนัก ช่วงทดเวลา โมฮานัด อาลี ไปเตะ ชนาธิป ดื้อๆ โดนใบแดง แถมมีกระทบกระทั่งพอหอมปากหอมคอ

สุดท้าย แต่ไม่มีประตู จบเกม อิรัก ชนะ 1-0 คว้าแชมป์คิงส์คัพ ครั้งที่ 51 หักอกไทยในรอบชิงฯ ซ้ำรอยครั้งที่ 49 ที่ อิรัก ชนะจุดโทษ

คู่ชิงที่ 3 ฮ่องกง ชนะ ฟิจิ 8-0 โดย ฟิจิ มีโดนใบแดง 2 คน.