‘สำนักงานสลากฯ’ คอนเฟิร์มเปลี่ยนรัฐบาลไม่กระทบโครงการทุน ODOS วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ยันเดินหน้าออกสลากการกุศล งวดละ 11 ล้านฉบับตามแผน ฟุ้ง N3 ฉลุย เพิ่มฟีเจอร์หนุนซื้อง่ายขึ้น แจงไม่กระทบตลาด L6
9 ก.ย. 68 – พันโทหนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า ยืนยันว่าแม้จะมีการปรับเปลี่ยนรัฐบาลแต่ก็ไม่มีผลกับโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน (One District One Scholarship : ODOS) ที่ก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบการออกสลากการกุศลพิเศษ เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล จำนวน 11 ล้านฉบับ ซึ่งมีเป้าหมายในการระดมเงินภายใน 2 ปีครึ่ง วงเงินรวม 1 หมื่นล้านบาท โดยวงเงินดังกล่าวจะใช้ในโครงการตามนโยบายรัฐบาล ทั้งโครงการด้านสังคม สาธารณสุข และการศึกษา ซึ่งรวมถึง ODOS ด้วย
โดยก่อนหน้านี้ได้มีการอนุมติแล้ว 7 โครงการ วงเงินรวม 5.3 พันล้านบาท ระยะเวลาในการให้ทุนถึงปี 2574 โดยจะเป็นการให้ทุนสำหรับศึกษาทั้งในและต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และจีน เป็นต้น โดยขณะนี้โครงการ ODOS มีการเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง ผ่านการประชุมเกี่ยวกับรายละเอียดต่าง ๆ ซึ่งยังเป็นช่วงเริ่มต้น และล่าสุดเพิ่งมีการอนุมัติวงเงินอีกราว 3.5 พันล้านบาท ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อดำเนินการในโครงการด้านสาธารณสุขและการศึกษา
“สำนักงานสลากฯ มีแผนชัดเจนเกี่ยวกับการออกสลากการกุศลเรียบร้อยแล้ว อย่างในภาพใหญ่ 1 หมื่นล้านบาทที่ ครม. ได้อนุมตินั้น ราว 50% ของวงเงิน หรือ 5 พันกว่าล้านบาทจะเป็นของโครงการ ODOS ซึ่งการออกสลากการกุศลก็จะอยู่ที่ 11 ล้านฉับต่องวด และต่องวดจะได้เงินราว 198 ล้านบาท เดือนละ 300 กว่าล้านบาท ตรงนี้จะใช้เวลาราว 2 ปีครึ่งในการออกสลากการกุศล จึงจะครบตามกรอบวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินจากการออกสลากการกุศลก็จะอยู่กับสำนักงานสลากฯ ก่อน และหากโครงการมีความต้องการใช้เงินก็จะมาเบิกจ่ายตามแผนการใช้เงินของแต่ละโครงการนั้น ๆ ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด” พันโทหนุน กล่าว
ขณะเดียวกันก็จะมีหน่วยงานที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อติดตามการใช้จ่ายงบประมาณในส่วนนี้ว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ ครม. กำหนดหรือไม่ เช่น ให้ทุนไปศึกษาที่ต่างประเทศ 100 ทุน มีการเบิกจ่ยอย่างไร เรียนไปถึงไหนแล้ว ทั้งหมดมีกระบวนการชัดเจน
พันโทหนุน กล่าวอีกว่า ภาพรวมการออกสลากฯ ในปัจจุบันอยู่ที่ 105 ล้านฉบับ แบ่งเป็น สลากดิจิทัลราว 27 ล้านฉบับ หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของสลากทั้งหมด และเป็นสลากแบบใบอีก 78 ล้านฉบับ โดยสำนักงานสลกาฯ อยากปรับเพิ่มการจำหน่ายสลากแบบดิจิทัลมากขึ้น แต่ขณะนี้ความต้องการของตลาดอาจจะเริ่มถึงจุดอิ่มตัวมากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่ามีเพียง 2-3 งวดเท่านั้นที่สามารถจำหน่ายสลากแบบดิจิทัลได้หมด ขณะเดียวกันประชาชนก็ยังมีการบริโภคสลากแบบใบอยู่ ดังนั้นก็ต้องพิจารณาในส่วนนี้ให้มีความสมดุล และสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในทุกมิติด้วย
“เรื่องการเพิ่มสลากแบบดิจิทัลนั้น ก็ต้องพิจารณาถึงดีมานต์ด้วย เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบันก็ยังมีคนที่ซื้อสลากแบบใบอยู่ ขณะที่สลลากแบบดิจิทัลขายหมดเพียงไม่กี่งวด บางงวดก็ค่อนข้างอืด ส่วนสลากที่มีการขายเกินราคานั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้บริโภคด้วย เพราะจริง ๆ ที่ผ่านมาสำนักงานสลากฯ ได้เร่งผลักดันช่องทางเพื่อเป็นตัวเลือกให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อ เช่น สลากดิจิทัลก็มีแบบที่ลดราคาต่ำกว่า 80 บาท ดังนั้นแนวทางการดำเนินการทั้งหมดจึงต้องทำให้เกิดความสมดุล” ผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ ระบุ
อย่างไรก็ดี ในส่วนของความคืบหน้าการขายสลากตัวเลข 3 หลัก (N3) นั้น มีทิศทางเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะได้มีการพัฒนาฟีเจอร์ให้ผู้ซื้อสามารถซื้อได้สะดวกมากขึ้น และปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่าย N3 อยู่ราว 4 พันกว่าราย มีจำนวนสลาก N3 ทั้งสิ้น 6 ล้านใบ ซึ่งขายได้จริง ประมาณ 2 ล้านใบต่องวด และที่ผ่านมาได้มีการประเมินผลของ N3 และรายงานกระทรวงการคลังอย่างต่อเนื่อง โดยยืนยันว่า N3 ไม่ได้เข้ามาชิงตลาดของสลาก 6 หลัก (L6) แต่เป็นการเข้ามาปิดช่องโหว่ของ L6 เพราะ N3 สามารถเลือกเลขได้เอง ซึ่งถือเป็นทางเลือกสำหรับผู้ซื้อสลาก