“สุชาติ” เสียดายเวลาน้อยแก้วิกฤตศรัทธาวัด ชี้วิธีแก้ง่ายแต่ทำไม่ทัน
GH News September 09, 2025 11:15 PM

"สุชาติ" บอกเสียดายที่มีเวลาน้อยสางปัญหาวัดฟื้นวิกฤตศรัทธา สำนักพุทธฯ ชี้มีวิธีแก้ง่ายดายแต่ทำไม่ทัน พร้อมชื่นชมความสำเร็จ มรภ.ท้องถิ่น ประกาศความสำเร็จผลักดันชูพลังดั้งเดิมแห่งท้องถิ่น “ซอฟเพาเวอร์” ให้กลายเป็นหลักสูตรของการเรียนรู้ได้มากถึง 12 หลักสูตรพลังบวกทางด้านการศึกษา เชิดชูอัตลักษณ์ที่แอบซ่อนของพื้นที่ให้โด่งดังไปไกลทั่วโลก

วันที่ 9 ก.ย.68 เวลา 16.00 น. นายสุชาติ ตันเจริญ (พ่อมดดำ) สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย สส.วัยเก๋าที่ลงสนามการเมืองใน จ.ฉะเชิงเทรา มายาวนานถึง 40 ปี ผ่านการเลือกตั้งรวม 12 สมัย ได้กล่าวในระหว่างการเดินทางมาร่วมงานพิธีประกาศความสำเร็จและความร่วมมือในการขับเคลื่อนเมืองแห่งการเรียนรู้สู่เมืองสร้างสรรค์ Soft Power ของจังหวัดในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ห้องราชนครินทร์ ชั้น 5 ภายในมหาวิทยาลัยราชนครินทร์ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ในตอนหนึ่งว่า

รู้สึกเสียดายที่เหลือเวลาในการทำงานในหน้าที่ ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้มามอบให้ไว้อีก 1 ตำแหน่ง แต่เหลือเวลาอีกเพียง 2-3 สัปดาห์เท่านั้น ในการทำงานที่จะทำอะไรให้ได้มากกว่านี้อีก แต่ที่ผ่านมาระหว่างที่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกฯ ก็ได้จับพระไปเยอะมากแล้ว เพื่อต้องการฟื้นฟูศาสนาและวิกฤตศรัทธาของสำนักพุทธฯ และเป็นเหตุการณ์ที่มาเกิดขึ้นในขณะที่ตนได้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีและดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติพอดี จึงต้องเอาจริงเอาจัง แต่เสียดายที่ยังทำได้ไม่ถึงครึ่ง ซึ่งวิกฤตศาสนาที่เกิดขึ้นนั้น แก้ง่ายนิดเดียวเพราะเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินของพระ คือ พระมีเงินเยอะเกิน พอมีทรัพย์สินคนก็จ้องที่จะไปขอบริจาคในทางที่ไม่ถูกต้อง และก็มีการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ฉะนั้นจึงแก้ได้ง่าย คือ ทรัพย์สินพระนั้นให้ประกาศให้ประชาชนรู้ว่าวัดมีเงินเท่าไหร่ เจ้าอาวาสมีเงินเท่าไหร่ ก็ประกาศให้ประชาชนรับรู้เช่นเดียวกับตนที่เป็นนักการเมือง ที่ต้องประกาศให้ทางสำนักงาน ปชช.รับรู้ จึงต้องให้เจ้าอาวาสรายงานให้ประชาชนได้รับรู้ว่ามีเงินเท่าไหร่ด้วย

ส่วนการที่ได้กำหนดว่าวัดต้องถือเงินไม่เกิน 1 แสนบาทจนตนถูกด่านั้น หมายถึงว่าวัดจะต้องถือเงินวันละไม่เกิน 1 แสน แต่คนเอาไปตีความผิดกันไปว่า ตนห้ามวัดมีเงินเกิน 1 แสนบาทตามที่มีเสียงสะท้อนกลับมาว่า ถ้าอย่างนั้นวัดจะไปมีเงินพอใช้อะไร เฉพาะค่าน้ำค่าไฟก็หมดแล้ว ซึ่งตนหมายถึงให้วัดถือเงินสดไว้วันละไม่เกิน 1 แสนบาท ส่วนที่เหลือให้นำไปเข้าบัญชีธนาคารไว้ เพื่อให้ประชาชนหรือพวกเราจะได้รับรู้ว่า ในธนาคารนั้นวัดมีเงินเท่าไหร่

ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่แก้ได้ง่ายมาก เพราะถ้าเรารู้บัญชีของวัด บัญชีทรัพย์สินของพระว่ามีเงินเท่าไหร่ ก็จะทำให้แยกได้ว่าบัญชีวัด บัญชีพระหรือส่วนตัวนั้นมีเงินเท่าไหร่ และยังสามารถแยกได้ว่าวัดไหนรวยวัดไหนจน เพราะวัดจนเราก็อยากจะทำบุญ

เมื่อได้เดินทางไปยังวัดแถว อ.ท่าตะเกียบ มีพระสงฆ์สอบถามมาว่า อินโนเวชันนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งสร้างความยากลำบาก ที่ไปบังคับให้วัดทำรายจ่ายประจำปี ก็จะกลายเป็นไปสร้างบาปอีก เพราะวัดตามต่างจังหวัดบางแห่งยังเขียนหนังสือไม่ได้เลย ทำบัญชีก็ไม่เป็น จึงได้บอกไปทางผู้ว่าราชการจังหวัด โดยเฉพาะที่ จ.ฉะเชิงเทรา ให้เป็นจุดเริ่มต้นได้ประกาศออกไปว่า ให้เสมียนตราหรือทาง อบต. อบจ. หรือใครก็ตามที่อยู่ในพื้นที่หรือมีกำนันผู้ใหญ่บ้านให้ไปช่วยทุกวัดในการทำบัญชี

ซึ่งถือเป็นเรื่องที่แก้ง่ายนิดเดียว และคงต้องร่วมมือร่วมใจดูแลวัดกัน เพราะวิกฤตศาสนา วิกฤตศรัทธาต่อทางสำนักพุทธฯ หนักหนาสาหัสเหลือเกิน จึงได้พยายามพูดอยู่ว่า อย่าไปนับถือศาสนาเพราะเราไปนับถือเจ้าอาวาส หรือพระที่ดูหมอเก่ง ดูนั่นเก่งดูนี่เก่ง ซึ่งไม่ใช่ เรานับถือเพราะว่าเรามีศีล 5 ศีล 8 พระวินัย 227 ข้อและเราไปสวดมนต์ โดยเริ่มต้นจากศีล 5 ก่อน สิ่งที่ต้องนับถือ คือ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

ก่อนที่นายสุชาติ จะกล่าวชื่นชมต่อทาง มรภ.ราชนครินทร์ ที่ได้ทุ่มเทกับการทำงานสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อน จ.ฉะเชิงเทรา กับองค์กรภายนอกทุกภาคส่วนจนได้ประกาศถึงความสำเร็จให้เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ สู่เมืองสร้างสรรค์ “Soft Power” ซึ่งเป็นอนาคตที่ดีขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจวัฒนธรรม สังคมสิ่งแวดล้อม และการศึกษา ที่เน้นหนักในเรื่องการเรียนการสอน โดยเฉพาะการบรรจุการเรียนการสอนในหลักสูตรของ Soft Power ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้เกิดความเสร็จขึ้นในงานนี้

โดยเป็นเรื่องที่ทาง มรภ.ราชนครินทร์ ได้สนับสนุนต่อนโยบาย Soft Power ของรัฐบาล ที่เป็นเครื่องมือของพวกเราที่เคยได้ยินมาตลอด แต่อาจจะมีบางคนทั่วไปที่ยังไม่เข้าใจลึกซึ้งตามที่รัฐบาลหรือหน่วยราชการพูดอยู่ทุกวันในเรื่องของ Soft Power ซึ่งเป็นตัวผลักดันกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น เป็นพลังอำนาจอ่อนที่เกี่ยวกับความคิดจิตใจ ความชื่นชอบและอารมณ์ ที่จริงๆ แล้วการกำหนดขอบเขตนั้นมีแค่ 5 F

สิ่งแรกคือฟู้ด เช่น อาหารไทยที่โด่งดัง โดยมีชาวต่างชาติเข้าชิมมากมายและยังดังไปไกลถึงยังในต่างประเทศ สร้างเศรษฐกิจสร้างรายได้เข้ามาเยอะมาก ส่วน F ที่ 2 คือ ฟิล์มหรือภาพยนตร์ ที่เคยนำไปฉายในต่างประเทศ และมีคนจีนเข้ามาท่องเที่ยวมากในช่วงก่อนหน้านั้น แต่มีการไปสร้างข่าวเรื่องความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น จนทำให้คนจีนเดินทางมาลดลง ซึ่งตนยังได้ไปแนะนำให้ทาง รมว.ท่องเที่ยว ด้วยว่าให้ไปจ้างดาราจีนดังๆ หรืออินฟูลูเอนเซอร์จีนดังๆ ให้มาทำรายการท่องเที่ยวในเมืองไทย และให้ดูแลความปลอดภัยให้ดีที่สุด ให้เห็นว่าเมืองไทยปลอดภัยและน่าเที่ยว ซึ่งเป็นเรื่องที่แก้ง่ายนิดเดียว

นอกจากนี้ก็ คือ แฟชั่นเป็น F ตัวที่ 3 ตามที่ได้ไปเห็นที่วัดอรุณฯ ที่มีคนไปเช่าชุดไทยออกมาถ่ายภาพกันเป็นจำนวนมาก ตามที่ทาง มรภ.ได้ทำอัตลักษณ์ทางแฟชั่นของแปดริ้วเอาไว้แล้วและสวยงามดีน่าส่งเสริมต่อไป ซึ่งถือเป็นสิ่งที่มีเพาเวอร์สูง แม้แต่ทางประเทศเพื่อนบ้านยังแอบมาเคลมเอาชุดไทยไป จึงน่าจะสร้างรายได้มาก ส่วน F ที่ 4 คือ ไฟติ้งหรือมวยไทย ที่โด่งดังสร้างรายได้มากและมีชื่อเสียงในต่างประเทศ F ที่ 5 คือ เฟสติวัล เทศกาลต่างๆ เช่น สงกรานต์ ลอยกระทงหรืองานแห่หลวงพ่อโสธรฯ ที่ใกล้ตัวที่สุดมีทุกปีอยู่แล้วและคนมาจนล้นหลาม

จึงเป็นเรื่องที่น่าขอบคุณที่ทาง มรภ.ราชนครินทร์ ได้นำไปขยายออกมาได้มากถึง 12 ด้าน ซึ่งเป็นต้นน้ำทางความรู้ถึง 12 หลักสูตร นับตั้งแต่รากเง้าและอัตลักษณ์ของท้องถิ่น จนไปถึงนวัตกรรมสมัยใหม่ ได้การเรียนรู้ที่เข้มแข็งยืดยุ่น และทันสมัย จึงถือว่าหลักสูตรทั้ง 12 หลักสูตร คือ 1.อาหารไทยและผลผลิต (กุ้งแม่น้ำบางปะกง มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองและผลไม้ GI ท้องถิ่นมะพร้าวน้ำหอมบางคล้า) 2.การท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์ (วัดโสธรฯ พระพิฆเนศสามปาง สถานที่ทางธรรมชาติ อ่างฤาไน) 3.เกมและแอนิเมชัน 4.AI for Education รองรับการเป็นสมาร์ทซิตี้ในพื้นที่ EEC 5.AR & VR สร้าง VR ไหว้พระออนไลน์ และMetaverse Tourism 6.แฟชั่นและการตัดเย็บ ใช้ทุนนวัฒกรรมผ้าไหม ผ้าทอและงานหัตถกรรมท้องถิ่น 7.การแปลภาษา รองรับนักลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะจีนและญี่ปุ่น 8.มวยไทย เชื่อมโยง Sports Tourism และการสร้างนักมวยครูมวยมืออาชีพ 9.ศิลปะ ยกระดับศิลปินท้องถิ่นสู่อุตสาหกรรมศิลปะเชิงพาณิชย์ 10.การออกแบบ สนับสนุน SME และ OTOP ด้วยบรรจุภัณฑ์ โลโก้ และสื่อสร้งสรรค์ 11.ดนตรีไทย สืบสานและพัฒนาดนตรีไทยสู่ความร่วมสมัย 12.ภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ ใช้ภูมิทัศน์ เช่น แม่น้ำบางปะกงและวัดวาอารามเป็น Filming Location

ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างอนาคตให้เมืองฉะเชิงเทรา ให้ก้าวเข้าสู่เมืองแห่งการเรียนรู้ในบริบทของเมืองอัจฉริยะ หรือสมาร์ทซิตี้ในพื้นที่  EEC เปิดโอกาสและยกระดับโรงเรียนขนาดเล็กให้มีคุณภาพ พัฒนาและยกระดับทักษะครูให้ดีกว่าเดิม ส่งเสริม ปชช.ให้เรียนรู้ดิจิทัล เพื่อใช้ประโยชนในการดำรงชีวิต ให้เมืองฉะเชิงเทราเป็นเมืองแห่งโอกาสทั้งรากเง้าวัฒนธรรม และมีทำเลเศรษฐกิจเป็นยุทธศาสตร์ที่พร้อมเป็นต้นแบบ เป็นเมืองที่ผสมผสานการเรียนรู้วัฒนธรรมและนวัตกรรม พร้อมก้าวสู่การแข่งขันในระดับสากล

การศึกษาและซอฟเพาเวอร์ คือ พลังที่จะเปลี่ยนทุนทางวัฒนธรรมของเราให้กลายเป็นทุนทางเศรษฐกิจ สร้างงานสร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตของ ปชช. ให้เป็นจังหวัดหนึ่งในต้นแบบของประเทศในการใช้ซอฟเพาเวอร์ในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจและวัฒนธรรมและการพัฒนาคนในอนาคต เป็นต้นแบบที่จะดึงดูดนักลงทุนผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เป็นเมืองที่คนรุ่นใหม่สามารถสร้างงานสร้างรายได้ และภูมิใจในรากเง้าวัฒนธรรมของตนเอง

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.