ทีมอเวนเจอร์รมต.เศรษฐกิจป้ายแดง “เอกนิติ-อรรถพล-ศุภจี-วรภัค-นิธิยา” ลุยแก้ปัญหาปากท้องประชาชน-สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน
โฉมหน้ารัฐมนตรีชุดใหม่ของรัฐบาล “อนุทิน1” ที่กำลังเป็นที่จับตามองว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้หรือไม่ กับระยะเวลาที่ได้ประกาศไว้ว่าจะอยู่บริหารประเทศ 4 เดือน หลังจากนั้นจะคืนอำนาจให้กับประชาชน เลือกคนที่ต้องการมาบริหารประเทศใหม่
ทั้งนี้รัฐมนตรีป้ายแดงที่ประชาชนให้ความหวังในเรื่องปากท้อง นำโดย “นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” อธิบดีกรมธนารักษ์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ข้าราชการการเงินการคลังมืออาชีพ เชี่ยวชาญด้านนโยบายภาษี , “นายวรภัค ธันยาวงษ์” ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มีประสบการณ์ด้านการเงิน-ธนาคาร และตลาดทุน และการเจรจาภาษีกับสหรัฐ
“นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์” อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. (PTT) ว่าจะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
“นางศุภจี สุธรรมพันธุ์” ซีอีโอ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคุณ โดยคุณนิธิยา เคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามอินเตอร์เนชั่นแนลฟู๊ด จำกัด
และเป็นที่น่าจับตามมองว่าของตำแหน่งของ “นายเอกนิติ” ที่กำลังขึ้นหม้อได้รับความไว้วางใจจากนายกรัฐมนตรีอนุทิน มอบเก้าอี้รองนายกฯควบรมว.คลัง เพราะการเป็นรมว.คลัง จะต้องไปพูดคุยในเวทีโลก การสวมบทบาทรองนายกฯ เพิ่มโอกาสมากกว่าเป็นรัฐมนตรีปกติ แล้วการจะได้รับความน่าเชื่อถือจากนานาชาติจะเพิ่มมาอีกระดับหนึ่ง
ทั้งนี้นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลอนุทิน ได้ประกาศมุ่งเดินหน้าโรดแมปเศรษฐกิจ 3 แกนหลัก ได้แก่
1. ลดรายจ่าย ค่าครองชีพ พลังงาน เดินทาง และค่าขนส่ง
2. แก้หนี้สิน เกษตรกร และผู้มีรายได้น้อย เพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อ
3. เพิ่มรายได้ฐานราก ผ่านการพัฒนาชุมชน การท่องเที่ยว และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลใหม่จะดำเนินการโครงการคนละครึ่ง ว่า ยอมรับว่ากระแสดี เพราะเราฟังประชาชน ไม่สนใจว่าจะถูกมองว่าก็อบปี้นโยบายพรรคไหน เพราะทำเพื่อประชาชน ประชาชนได้ประโยชน์เราจะไปก็อปปี้ใครเราก็จะทำ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่เกิดในรัฐบาลทักษิณ ก็ต้องเดินต่อไป รวมถึงโครงการคนละครึ่ง ที่มาจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และตนเป็นรัฐมนตรีสมัยท่าน ตนก็ยกมือสนับสนุน
เมื่อถามว่า กระแสข่าวคนละครึ่งจะเป็น 50 :50 หรือจะเป็นแบบพลัส นายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อคืนวันที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา จากที่ได้คุยกับนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หากไม่กระทบวินัยการเงิน หรืองบประมาณ และช่วยเหลือประชาชนได้ จะออกไปรูปในรูป 60 : 40 เพื่อจูงใจกลุ่มคนที่เสียภาษี ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็เสียภาษีอยู่แล้ว แต่หากเป็นประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เสียภาษี ก็ 50: 50 ถือเป็นไอเดียที่นายเอกนิติ เสนอ ซึ่งตนก็เห็นด้วย และสั่งให้ไปพิจารณาเพิ่มเติม แต่ต้องไม่ผิดรัฐธรรมนูญ กฎหมาย งบประมาณ และไม่เสียวินัยการเงินการคลัง พร้อมยอมรับว่าโครงการจะทันในกรอบ 4 เดือน และนายเอกนิติ ก็แจ้งมาว่างบประมาณมีดำเนินการ พร้อมเปรียบว่า กระเป๋าก็ยังมีเหมือนเดิม
ส่วนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ของรัฐบาลเพื่อไทย จะสานต่อหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า โครงการนี้เป็นประโยชน์ แต่ต้องมาดูว่าบางโปรเจกต์ทำแล้วขาดทุน หรือต้องไปซื้อมาก็ไม่ได้ พร้อมย้ำว่าต้องรักษาวินัยการเงินการคลัง และโครงการต้องอยู่รอดและพึ่งพาตัวเองได้
หลังจากนี้ต้องดูกันต่อไปว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยจะสร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน!?!