กนช. เห็นชอบ กรมชลประทาน ปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา 2,000-2,500 ลบ.ม./วินาที
วันที่ 15 ก.ย.68 กรมชลประทาน รายงานว่า จากอิทธิพลของฝนที่ตกหนักต่อเนื่องบริเวณตอนบนด้านท้ายอ่างเก็บน้ำ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น แม้จะบริหารจัดการด้วยการทดน้ำและนำน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งเต็มศักยภาพแล้วก็ตาม แต่ยังมีน้ำส่วนเกินที่จำเป็นต้องระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยา
ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำ คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) มีมติเห็นชอบให้กรมชลประทานปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,000-2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 40-60 เซนติเมตร และจะมีผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำแม่ ได้แก่
📍จังหวัดชัยนาท : ต.โพนางดำออก และบ้านท่าทราย อ.สรรพยา
📍จังหวัดสิงห์บุรี : วัดสิงห์ อ.อินทร์บุรี, อ.พรหมบุรี และ วัดเสือข้าม อ.เมืองสิงห์บุรี
📍จังหวัดอ่างทอง : วัดไชโย ต.เทวราช อ.ไชโย, อ.ป่าโมก รวมทั้งคลองโผงเผง
📍จังหวัดพระนครศรีอยุธยา : ต.หัวเวียง อ.เสนา, ต.ลาดชิด และ ตท่าดินแดง อ.ผักไห่ รวมถึงพื้นที่แม่น้ำน้อย สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ และคลองบางบาล
กรมชลประทานได้ติดตั้งและเดินเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่อ่าวไทย ควบคู่กับการกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ ได้กำชับให้ทุกโครงการชลประทานเฝ้าระวัง ติดตาม และประเมินสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถเตรียมพร้อมรับมือและลดผลกระทบจากสถานการณ์น้ำได้อย่างทันท่วงที
ขอให้ประชาชนในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำได้ที่ wmsc.rid.go.th และ bigdata-swoc.rid.go.th
ขอบคุณข้อมู/ภาพ: ส่วนประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ สำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา และสำนักงานชลประทานที่ 12