“นภ พรชำนิ” เผยชีวิตคุณพ่อวัย 53 วิ่งตามลูก 3 ขวบไม่ทัน แนะหากมีลูกตอนอายุมากต้องฟิตร่างกายให้ดี
ศิลปินเสียงอบอุ่น “นภ พรชำนิ” มาร่วมงานแถลงข่าวคอนเสิร์ตใหญ่ FATCAT NUMBER 1 THE ORCHESTRA และ CAT EXPO 12 ที่ Chang Canvas, One Bangkok Forum พร้อมอัพเดตชีวิตครอบครัวในบทบาทคุณพ่อวัย 53 ปี ที่ต้องวิ่งตามลูกชายวัย 3 ขวบทุกเช้า และเล่าความสุขเรียบง่ายของครอบครัว รวมถึงความเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์กับภรรยา ขณะเดียวกันเจ้าตัวยังไม่ทิ้งงานเพลง เผยกำลังทำทั้งอัลบั้มเดี่ยวและอัลบั้มใหม่ของ P.O.P ที่แฟนๆ จะได้ฟังกันในปีนี้แน่นอน
ชีวิตครอบครัวตอนนี้เป็นไงบ้าง?
“ลูกก็สามขวบแล้วนะครับ เริ่มเข้าอนุบาลแล้ว เข้าที่เข้าทาง ผมก็ได้มีเวลาทำงานเพลงเพิ่มมากขึ้น ก็ปีนี้คงจะมีอัลบั้มพิเศษของตัวเองออกมารวมถึงอัลบั้มชุดใหม่ของ p.o.p ด้วย กำลังทำอยู่คิดว่าคงได้ฟังในปีนี้ทั้งสองชุด”
พัฒนาการของลูกชายเป็นไงบ้าง?
“ก็เป็นเหมือนเด็กทั่วไปนะครับ ก็เด็กผู้ชายทุกๆ เช้าตื่นมาก็มีเวลาเล่นกับเขาช่วงเช้า แล้วก็ไปส่งที่โรงเรียนนะ ก็ใช้ชีวิตเป็นแบบพ่อบ้านคอยดูแลลูกบางทีก็วิ่งตามไม่ค่อยทันเท่าไหร่ เพราะว่าเขาวิ่งเร็วพอสมควร ตอนช่วงเช้าก่อนไปส่งโรงเรียนก็จะเป็นหน้าที่ของผมที่เป็นพ่อ แล้วก็แต่งตัวไปโรงเรียนเสร็จปุ๊บ พออยู่โรงเรียนแล้วเราก็ได้มาทำงาน ละช่วงตอนบ่ายคุณภรรยาเป็นคนไปรับ”
ยังสามารถวิ่งเล่นกับลูกไหวใช่ไหม?
“ก็ต้องฟิตร่างกายเหมือนกันนะ เพราะว่าอายุเราห้าสิบกว่า ผมอายุห่างจากลูกห้าสิบปีพอดี เขาสามขวบ เราก็ห้าสิบสาม ไม่แนะนำนะครับ ถ้าเกิดคุณพ่อคนไหนที่อายุมากๆ ก็ต้องฟิตร่างกายรอด้วย เพราะว่าโดยเฉพาะลูกชายเนี่ยเขาชอบเล่นแบบวิ่งเล่น เราก็ต้องไปวิ่งตามเขา เพราะว่าเป็นสิ่งที่เขาจะได้เรียนรู้ ได้หกล้มได้วิ่งขึ้นปีนต้นไม้ บางทีผมก็วิ่งตามไม่ค่อยทันก็ปล่อยให้เขาเล่นไป เล่นกับเพื่อนๆ แทน”
“ก่อนหน้านี้ก็ทุ่มเทใช้เวลากับเขาจริงๆ เพราะว่าในช่วงสามปีแรกเนี่ยเป็นช่วงควอลิตี้ไทม์หรือว่าเป็นช่วงเวลาที่เราจะย้อนกลับไปไม่ได้อีกแล้ว จากนี้ไปพ่อกับลูกชายเนี่ยก็จะพูดง่ายๆ ว่าหลอมเป็นหนึ่งเดียวกัน ทุกวันนี้ผมก็รู้สึกดีมากๆ เลยที่เขารักพ่อ ก็ดีใจครับ”
ในพาร์ตของสามีภรรยา ความหวานลดลงไหม?
“ก็มันจะเป็นกลายไปเป็นมีเป็นความลึกซึ้งของความเป็นพ่อแม่แทน ความเป็นแฟนนี่ก็ลดน้อยลงไปเลยเห็นได้ชัด กลายเป็นพ่อเป็นแม่แทนนะครับแต่ก็ยังดูแลสิ่งต่างๆ ดีเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าอาจจะไม่ได้มีเวลาสวีตเหมือนสมัยก่อน สมัยก่อนไปกินข้าวกันไปทานไปดินเนอร์กัน เดี๋ยวนี้เตรียมอะไรไปให้ลูกหรือยัง มันจะต้องมีเขาอยู่ในชีวิตประจำวันเราตลอดในทุกๆ มื้อ ปกติเราไปกินข้าวกันประมาณสองสามทุ่ม เดี๋ยวนี้มื้อเย็นก็ต้องทานตั้งแต่ห้าโมงครึ่ง พระอาทิตย์ยังไม่ทันตกเลย มันคงไม่โรแมนติกเดี๋ยวนี้ นี่ก็ต้องพยายามปรับตัวให้ตรงกับช่วงเวลาของเขา เพราะว่าถ้าเราไม่ให้เขานอนกลางวันเนี่ยเขาก็จะง่วงนอนแล้วช่วงประมาณทุ่มนึงทุ่มครึ่งพวกเราก็ต้องอยู่บ้าน คอยพาเขาเข้านอน ไม่ได้ไปไหนเลยครับเดี๋ยวนี้”
เรียกว่าชีวิตตอนนี้แฮปปี้?
“ความสุขก็เปลี่ยนไปคนละแบบ ตอนที่อยู่กันสองคนระหว่างผมกับเพลิน แต่งงานมาสิบห้าปี เราถึงจะคิดมีลูกนะ ซึ่งปีนี้ก็ครบยี่สิบปีละปีหน้าจะครบยี่สิบปีที่แต่งงานกัน ช่วงเวลาที่เราเป็นแฟนกันก็ถือว่าคุ้มค่านะครับ เราได้ใช้เวลาตรงนั้นคุ้มค่าแล้ว ตอนนี้ก็เปลี่ยนบทบาทมาเป็นคุณพ่อคุณแม่แทน ซึ่งก็ยังสนุกสนานอยู่ในความเป็นพ่อแม่เพราะว่าลูกเราเปลี่ยนไปทุกวันเลย ไม่เหมือนเดิมเลยแม้แต่วันเดียว”
มีความเป็นห่วงลูกไหม เพราะจากข่าวสมัยนี้ค่อนข้างน่ากลัว?
“ซึ่งเขาก็คงรับรู้นะครับ บางทีเราเห็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ผ่านเข้ามาในสายตาเราหรือว่าความรู้สึกเราเนี่ย เด็กเซนซิทีฟมากกว่าเราด้วยซ้ำ เราก็มีหน้าที่ที่จะต้องคอยให้ความเข้าใจกับเขาว่าสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น เดี๋ยวมันก็ผ่านไปนะครับ ไม่ต้องไปเอาใจใส่อะไรกับมันมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกแล้วก็คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายต่างหากที่เราน่าจะให้ความสำคัญกับมันครับ”
เดี๋ยวจะมีปล่อยอัลบั้มเร็วๆนี้?
“รอฟังได้เลยครับ รับรองว่าเพลงของผมกับที่เป็นอัลบั้มเดี่ยวของผมเอง หรือว่าเพลงของผมกับพีโอพีเนี่ยจะต้องถูกใจแล้วก็ประทับใจทุกท่านอย่างแน่นอน เตรียมตัวเตรียมใจในการฟังได้เลย แล้วก็ลองฟังอย่างลึกซึ้งดูครับจะมีความสุข ก็จะแตกต่างไปจากบอยป๊อด แตกต่างไปจากบอยนพ แตกต่างไปจากสิ่งที่คุณเคยได้ยินมาในอดีตโดยสิ้นเชิงรับรองว่าไพเราะแน่นอนครับ”
แล้วจะมีคอนเสิร์ตเมื่อไหร่?
“ก็เป็นคอนเสิร์ตที่ในช่วงปลายปีนะครับ จะเป็นคอนเสิร์ตบีเดย์ฟอร์เอฟเวอร์นะครับที่ผมได้นำพีโอพีก็จะไปขึ้นคอนเสิร์ตแน่นอน แล้วก็ในนามที่เป็นศิลปินเดี่ยวด้วย ก็คงจะออกมาหลายรอบหน่อยครับในคอนเสิร์ตนั้น ซึ่งก็เตรียมตัวอย่างดีครับที่จะได้ไปพบกับทุกท่าน แล้วก็มาเจอกันให้ได้ครับสำหรับแฟนเพลงเบเกอรี่มิวสิค และโดโจซิตี้ทุกคนครับผม”