กุ้งแคระเชอรี่ตัวเล็กน่ารัก สีสันสวยงาม ทั้งสายพันธุ์ไฟร์เรด, เหลืองหลังทอง, ซูชิแดง, ซูชิดำ, ส้มซากุระ และดรีมบลู เป็นฝีมือการเพาะขยายพันธุ์ของ นางวิภาวี ศรีโพธิ์ เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งแคระ “ฉกาจฟาร์ม” ต.ปากแรต อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยทั้งหมดจำหน่ายส่งออกต่างประเทศไปทั่วโลก สร้างเม็ดเงินเลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี
วิภาวีเล่าให้ฟังว่า ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ตนได้ตัดสินใจลาออกจากงานทิ้งเงินเดือนหลักหมื่น ติดตามสามีกลับมาตั้งหลักปักฐานเป็นนายของตัวเองที่บ้านเกิดใน อ.บ้านโป่ง โดยยึดอาชีพเพาะพันธุ์ปลาสวยงามเลี้ยงดูครอบครัว ซึ่งก็เป็นที่รู้จักและได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า
ต่อมาเพื่อนชาวญี่ปุ่นเดินทางมาหา พร้อมกับนำพ่อแม่พันธุ์กุ้งแคระเชอรี่ สายพันธุ์ไฟร์เรด ซึ่งเป็นกุ้งน้ำจืดขนาดเล็กจากประเทศญี่ปุ่นมาฝากให้ทดลองเลี้ยง
โดยตัวผู้จะมีขนาดเล็กเรียวยาว ส่วนตัวเมียจะมีขนาดอ้วนป้อมกว่า อุ้มไข่ไว้ใต้ท้องครั้งละ 20-40 ฟอง มีอัตราการรอดอยู่ที่ประมาณ 40%
ด้วยสีสันที่แดงสด สวยงามสะดุดตา ดูแลง่าย สามารถแพร่พันธุ์ได้เร็ว เหมาะสำหรับเลี้ยงในตู้ไม้น้ำขนาดเล็ก ไม่เปลืองพื้นที่ กินตะไคร่และเศษอาหารปลาที่ตกค้างภายในตู้ ช่วยลดการเน่าเสียของน้ำ
ทำให้ตนมองเห็นลู่ทาง จึงเริ่มเพาะกุ้งแคระเป็นอาชีพ พร้อมกับนำเข้ากุ้งแคระสายพันธุ์อื่นที่มีสีสัน และลวดลายหลากหลาย เข้ามาเพาะเลี้ยงในฟาร์มเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับลูกค้า
วิภาวีกล่าวต่อว่า ปัจจุบันทางฟาร์มมีกุ้งแคระเชอรี่ทั้งหมด 6 สายพันธุ์ ประกอบด้วย กุ้งแคระสายพันธุ์ซูชิแดง หรือ Red Rili มีลักษณะสีขาวโปร่งแสงสลับแดงแบบคาดขวาง, กุ้งแคระซูชิดำ หรือ Black Rili มีลักษณะสีขาวโปร่งแสงสลับดำแบบคาดขวาง,
กุ้งแคระเหลืองหลังทอง หรือ Yello Golden Line มีลำตัวสีเหลืองสดใส และมีแถบสีทองเข้มสะท้อนแสงเป็นแถบยาวบริเวณหลัง, กุ้งแคระไฟร์เรด มีสีแดงสดทั้งตัว, กุ้งแคระส้มซากุระ มีสีส้มสดใสทั้งตัว และกุ้งแคระดรีมบลู มีสีน้ำเงินทั้งตัว
สำหรับวิธีการเพาะเลี้ยง ไม่ได้ยุ่งยากมากนัก เพียงแต่จะต้องอยู่ในน้ำที่สะอาด ไม่มีคลอรีน เนื่องจากกุ้งแคระจัดว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่อ่อนไหวต่อสารเคมี ค่า pH อยู่ที่ 6.5-7.5 และจะปล่อยพ่อแม่พันธุ์อย่างละหนึ่งสายพันธุ์ต่อบ่อ เพื่อป้องกันการผสมข้ามสายพันธุ์
โดยแต่ละวันจะเลี้ยงด้วยอาหารกุ้งแบบเม็ดเพียง 1 ครั้งในช่วงสาย รวมถึงกินตะไคร่น้ำที่อยู่ในบ่อ ซึ่งเป็นอาหารธรรมชาติ และทางฟาร์มจะใส่ตะกร้าพลาสติกลงไป เพื่อเพิ่มพื้นที่เกาะอาศัยของกุ้ง
ข้อควรระวัง ในช่วงเวลาที่กุ้งทำการลอกคราบ จะเป็นช่วงที่กุ้งมีความอ่อนแอมากที่สุด ต้องดูแลและระมัดระวังเป็นพิเศษ ทั้งในเรื่องของคุณภาพน้ำและปริมาณออกซิเจนก้นบ่อ ตลอดจนศัตรูตามธรรมชาติ อาทิ หนอนแดง ตัวอ่อนของแมลงปอ และแมลงปีกแข็งต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในน้ำ
เมื่อเลี้ยงได้นานประมาณ 3 เดือน ก็จะตักออกมาคัดแยกขนาด และลวดลายความสวยงาม หากเป็นลูกกุ้งและกุ้งพ่อแม่พันธุ์ ก็จะนำแยกลงบ่อเลี้ยงขุนและบ่อเพาะขยายพันธุ์ต่อไป
ส่วนกุ้งตัวเต็มวัยที่มีสีสันสวยงาม ขนาดตั้งแต่ 1.5-2 ซ.ม. จะคัดแยกส่งให้กับลูกค้าตามออร์เดอร์ในราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ตัวละ 3 บาทขึ้นไป แล้วแต่สายพันธุ์และความต้องการของตลาด
ซึ่งกุ้งแคระของฟาร์มทั้งหมด จะส่งจำหน่ายให้กับผู้ส่งออกต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเมืองหนาว อาทิ อเมริกา ยุโรป แคนนาดา และจีน เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวจัดหรือหิมะตก คนจะนิยมทำตู้ไม้น้ำไว้ในบ้าน และจะนำกุ้งแคระแฟนซีไปเลี้ยงไว้ในตู้ เพื่อช่วยกำจัดตะไคร่ สิ่งสกปรก และช่วยเพิ่มสีสัน สร้างความสวยงามให้กับบรรยากาศภายในตู้ไม้น้ำ ทำให้รู้สึกเพลิดเพลิน ผ่อนคลายจากความเครียด
ส่วนสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ กุ้งแคระไฟร์เรด และกุ้งแคระเหลืองหลังทอง
ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่โทร. 09-6695-2419
ขวัญเพชร จ.ราชบุรี