ภาพรถไฟสินค้าผ่านใต้เครนที่ศูนย์โลจิสติกส์นานาชาติฉงชิ่ง (พีเพิลส์ เดลี่ ออนไลน์)
นครฉงชิ่งทางภาคตะวันตกของจีน กำลังเร่งพัฒนาเศรษฐกิจเชื่อมโยงโลก ด้วยบทบาทศูนย์กลางโลจิสติกส์ การผลิตสมัยใหม่ และจุดหมายใหม่ของการลงทุนจากต่างประเทศ
ด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ฉงชิ่งเป็นจุดเริ่มต้นของรถไฟสาย “จีน–ยุโรป” และ “ระเบียงเศรษฐกิจเชื่อมทางบกและทางทะเลสายใหม่” ทางภาคตะวันตกของจีน ทำให้การขนส่งสินค้าจากจีนตะวันตกสู่ยุโรปและอาเซียนรวดเร็วขึ้นอย่างมาก จากเดิมใช้เวลากว่า 30 วัน ลดเหลือเพียงราว 18 วัน
ณ เดือนพฤษภาคม 2567 ศูนย์โลจิสติกส์นานาชาติฉงชิ่ง มีเส้นทางรถไฟระหว่างประเทศกว่า 62 สาย เชื่อม 514 ท่าเรือใน 123 ประเทศทั่วโลก
แขนกลกำลังทำงานที่โรงงานของฉางอัน ออโตโมบิล (พีเพิลส์ เดลี่ ออนไลน์)
ด้านการผลิตสมัยใหม่ ฉงชิ่งได้กลายเป็นฐานการผลิตยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยฉงชิ่งผลิตรถยนต์กว่า 9.97 แสนคันในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 และยังดึงดูดผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เช่นนักออกแบบรถยนต์ชาวเยอรมนี Klaus Zyciora เข้ามาร่วมงาน ขณะเดียวกันบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง พานาโซนิค ก็ได้สร้างศูนย์ผลิตวัสดุฉนวนสุญญากาศที่ใหญ่ที่สุดในโลกของบริษัทฯ ไว้ที่นี่
สายการผลิตกระป๋องเบียร์ที่โรงงานในฉงชิ่ง (พีเพิลส์ เดลี่ ออนไลน์)
ด้านการลงทุนจากต่างประเทศ ฉงชิ่งกำลังเป็นแม่เหล็กดึงดูดทุนจากบริษัทชั้นนำทั่วโลก ทั้ง Corning (สหรัฐฯ) ที่ลงทุนแล้วกว่า 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Carlsberg (เดนมาร์ก) ที่ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทฉงชิ่งเบียร์ ทำให้ฉงชิ่งกลายเป็นฐานการดำเนินงานหลักในจีน ความเอื้ออำนวยจากนโยบายภาครัฐและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ช่วยให้หลายบริษัทตั้งเป้าขยายการลงทุนระยะยาวที่นี่
ด้วยจุดแข็งทั้งด้านโลจิสติกส์ อุตสาหกรรม และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการลงทุน ฉงชิ่งกำลังยกระดับสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจสมัยใหม่ของจีนตะวันตกอย่างมั่นคง
ที่มา People’s Daily Online