กระฉ่อนโลก เมื่อ ซูซาน โมนาเรซ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) เข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภา เมื่อวันพุธที่ 17 กันยายน เผยว่า โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ (HHS) เคยกดดันให้เธออนุมัติการเปลี่ยนแปลงตารางการฉีดวัคซีนสำหรับเด็ก โดยไม่ต้องรอข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รองรับ
โมนาเรซ ซึ่งถูก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปลดฟ้าผ่าเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม หลังนั่งเก้าอี้เพียง 29 วัน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม เคนเนดีได้แจ้งกับเธอว่า “ตารางการฉีดวัคซีนเด็กจะถูกเปลี่ยนแปลงในเดือนกันยายนแน่นอน” พร้อมสั่งให้เธอรับปากอนุมัติล่วงหน้า แม้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ โดยอ้างว่า “ไม่มีวิทยาศาสตร์หรือหลักฐานใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตารางวัคซีนเด็กปัจจุบัน”
ตามข้อมูลจาก CDC ตารางการฉีดวัคซีนเด็กถือเป็นเครื่องมือสำคัญของสาธารณสุข ออกแบบมาเพื่อปกป้องเด็กจากโรคร้ายแรง 14 ชนิดที่อาจเกิดก่อนอายุ 2 ขวบ โดยช่วงเวลาการฉีดถูกกำหนดขึ้นตามระบบภูมิคุ้มกันของเด็กที่ตอบสนองได้ดีที่สุด หากเลื่อนหรือเว้นการฉีดโดยไม่มีข้อมูลรองรับ อาจทำให้เด็กเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง และบั่นทอนภูมิคุ้มกันหมู่ที่ช่วยปกป้องทารกแรกเกิดและผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
นอกจากนี้ เคนเนดียังสั่งให้โมนาเรซรับปากอนุมัติข้อเสนอทุกข้อจากคณะกรรมการที่ปรึกษาโดยไม่มีเงื่อนไข ปลดเจ้าหน้าที่ CDC ที่ดูแลนโยบายวัคซีน และห้ามไม่ให้เธอสื่อสารกับสมาชิกวุฒิสภา
โมนาเรซยืนยันว่า เธอพร้อมพิจารณาปรับตารางวัคซีนหากมีข้อมูลสนับสนุน แต่ปฏิเสธที่จะอนุมัติล่วงหน้าโดยปราศจากการตรวจสอบ ทำให้เคนเนดีขีดเส้นตาย หากไม่ทำตามก็ต้องลาออก
อย่างไรก็ตาม เคนเนดีปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ต่อการไต่สวนคณะกรรมาธิการการคลังวุฒิสภาเมื่อวันที่ 4 กันยายน โดยยืนยันว่าไม่เคยบังคับให้โมนาเรซอนุมัติการตัดสินใจใด ๆ ล่วงหน้า ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขฯ ออกแถลงการณ์ว่า การเปลี่ยนแปลงตารางวัคซีนต้องยึดหลักวิทยาศาสตร์ พร้อมกล่าวหาโมนาเรซว่า “บิดเบือนข้อเท็จจริง”
โฆษก HHS ระบุว่า ภารกิจของโมนาเรซคือการฟื้นฟู CDC ให้กลับมาทำงานบนภารกิจหลัก แต่เธอปฏิเสธที่จะปฏิบัติ ประธานาธิบดีจึงมีคำสั่งปลดออกจากตำแหน่ง
การปลดฟ้าผ่าครั้งนี้ จุดชนวนเสียงวิพากษ์วิจารณ์เคนเนดีอย่างรุนแรง และนำไปสู่การลาออกของเจ้าหน้าที่ระดับสูง CDC อีก 4 ราย เพื่อประท้วงต่อต้านนโยบายที่พวกเขามองว่าเป็นการบ่อนทำลายข้อมูลด้านวัคซีน
ความเคลื่อนไหวยังสร้างความกังวลให้กับฝ่ายรีพับลิกันบางส่วน โดย บิล แคสซิดี ส.ว. ประธานคณะกรรมาธิการด้านสาธารณสุข การศึกษา และแรงงาน ซึ่งเป็นผู้เชิญโมนาเรซเข้าให้การ ระบุว่า ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่า เหตุใดบุคคลที่เคนเนดีเคยยกย่องว่ามี “คุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ไร้ที่ติ” จึงถูกปลดออกในเวลาไม่ถึงเดือน
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของ CDC มีกำหนดประชุมวันที่ 18 กันยายนนี้ เพื่อหารือเรื่องวัคซีนเด็ก 2 ชนิด โดยสมาชิกใหม่ 12 คนที่เคนเนดีแต่งตั้งขึ้นมา หลังปลดคณะกรรมการชุดเดิม 17 คนเมื่อเดือนมิถุนายน
เดบรา ฮาวรี อดีตประธานเจ้าหน้าที่การแพทย์และหนึ่งในผู้ลาออก ให้การว่า ไม่มีการประชุมเตรียมข้อมูลสำหรับการประชุมดังกล่าว ยกเว้นประเด็นวัคซีนโควิดเท่านั้น
หลังเสร็จสิ้นการไต่สวน แคสซิดีกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หากคณะกรรมการชุดใหม่มีมติเปลี่ยนตารางการฉีดวัคซีน ประชาชนไม่ควรเชื่อมั่น เนื่องจากการตัดสินใจอาจขาดหลักวิทยาศาสตร์ พร้อมยกตัวอย่างว่าวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีที่ฉีดให้ทารกแรกเกิด เคยช่วยลดจำนวนเด็กป่วยจากปีละ 20,000 คน เหลือเพียง 20 คนต่อปีเท่านั้น
#ข่าวต่างประเทศ #CDC #เคนเนดี #ทรัมป์ #วัคซีนเด็ก #ข่าวด่วน #ข่าวไวรัล #ข่าววันนี้ #การเมืองสหรัฐ #สกู๊ปข่าว