เก้าอี้ยังไม่ทันอุ่น! "อนุทิน 1" เสี่ยงชน "ศาล" ส่อโดน "พักงาน" ก่อนขยับนโยบาย
GH News September 19, 2025 09:16 PM

 

หน้าตา “ครม.ใหม่” เผยโฉมออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อ 19 ก.ย.2568 และแน่นอนว่า ตามมาด้วยเสียง “ยี้” ดังไล่หลัง แต่อีกด้านหนึ่ง หลายคนบอกว่าไม่มีอะไรที่ผิดไปจากความคาดหมาย ว่ารัฐบาลชุดใหม่ ไม่พ้นต้องขี้เหร่ เช่นนี้

เพราะ “นายกฯหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เองไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะ “ชี้ขาด” ว่าจะเลือก หรือไม่เลือกใครก็คงไม่ได้

เมื่อการเกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย ประกอบด้วย “กลุ่มก๊วนการเมือง” มากกว่า “พรรคการเมือง” มาร่วมโหวตสนับสนุน ให้อนุทิน ขึ้นเป็นนายกฯคนที่ 32 ดังนั้นการเกลี่ยเก้าอี้รัฐมนตรี จึงถูกจัดสรรเพื่อ “ตอบแทน” บรรดาพรรคและกลุ่มการเมือง ที่เทคะแนนให้จนได้ 311 เสียง

ครม.ใหม่ ทั้ง 36 ตำแหน่ง สร้างความฮือฮาไม่น้อย เพราะมี “รองนายกฯ” ด้วยกันถึง 6 คน แถมยังมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่น้อย รวมแล้วอยู่ที่ 4 คน

มีการตั้งข้อสังเกตมาตั้งแต่แรกแล้วว่า รัฐมนตรี ในกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ที่นายกฯอนุทิน ไปเชิญ “คนนอก” ซึ่งมีทั้งเทคโนแคต ไปจนถึงซีอีโอ จากภาคเอกชนเข้ามาร่วมงานกับรัฐบาล น่าจะมีภาพลักษณ์ที่ดีที่สุด เพียงส่วนเดียว

ไม่ว่าจะเป็น เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วรภัค ธันยาวงษ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  

และข้าราชการมือทำงาน ที่ได้รับการยอมรับเฉพาะด้าน ทั้ง สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึง บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี รับจบเรื่องกฎหมายประจำรัฐบาล 

อย่างไรก็ดี เสียงวิจารณ์ที่สังคมมีต่อหน้าครม.ใหม่ ประเมินว่า คงดังต่อเนื่อง ไปจนถึงวันที่นายกฯอนุทินนำครม.แถลงนโยบายรัฐบาล ต่อรัฐสภา ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในราวปลายเดือนกันยายน ถึงต้นเดือนตุลาคม นี้

โดยที่เสียงจาก “อดีตนักการเมือง” อย่าง “เทพไท เสนพงศ์” อดีตสส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทิ้งคำนิยาม “ครม.ใหม่” เอาไว้สั้นๆ แต่เสียดแทงใจว่า “ ครม.อนุทิน1 ยี้+เยี่ยม =ย้วย โปรดติตตามตอนต่อไป”

หรือแม้แต่ “ภูมิธรรม เวชยชัย” แกนนำพรรคเพื่อไทย เองที่วันนี้กลายเป็น “ฝ่ายค้าน” และ “ฝ่ายแค้น” กับพรรคภูมิใจไทย พรรคสีน้ำเงินเต็มตัว ยังฝากสื่อไปถาม “พรรคประชาชน” พรรคสีส้ม ว่าจะรับผิดชอบอย่างไร ในเมื่อหน้าตาที่ปรากฎออกมาไม่ต่างจาก “บุรีรัมย์ โมเดล”

“ พรรคเด็กเป็นหลัก พรรคที่เขาสนับสนุนส่งเสริมขึ้นมา ว่าคิดอย่างไร ที่ไปส่งเสริมสนับสนุนจนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นพรรคอะไร และสนับสนุนเขาขึ้นมา ถามว่าวันนี้เขาพอใจไหม เห็นมีคนที่ ป.ป.ช.ติดขัดอยู่ก็ยังมี ที่มีความเกี่ยวข้องกับหุ้นหรือบริษัทอะไรก็ไปดูเอา ดังนั้นต้องไปถามพรรคน้องๆ” (19 ก.ย.2568)

ถึงกระนั้น ลำพัง “เสียงโจมตี” เย้ยเยาะ หน้าตาครม.ใหม่ “อนุทิน 1” ว่าขี้เหร่ รุนแรงแค่ ก็ยังไม่เท่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาจากนี้  เพราะอย่าลืมว่า “ฝั่งตรงข้าม” ทั้งในและนอกสภาฯ เคยตั้งท่า เตรียม “ตรวจสอบ” มาตั้งแต่ครม.เพิ่งฟอร์มทีม 

ทั้งในส่วนของ “คุณสมบัติ” บรรดารัฐมนตรี ที่เคยมีปัญหากันมาแล้ว บ้างเคยเกิดกรณีตั้งแต่สมัยรัฐบาล “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี  อย่างในรายของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า  ซึ่งมารอบนี้เขาได้เก้าอี้ตัวใหญ่ ไปครอง ทั้งรองนายกฯและรมว.เกษตรฯ  

ปัญหาเรื่องคุณสมบัติของร.อ.ธรรมนัส นั้นศาลรัฐธรรมนูญ เคยมีคำวินิจฉัยเอาไว้แล้วว่าไม่ขาดคุณสมบัติจากความเป็นรัฐมนตรี แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากนี้คือการยื่นคำร้องให้ศาลฯวินิจฉัย ไปที่ตัวอนุทิน ว่าเข้าข่ายขาดจริยธรรม อย่างร้ายแรง ไม่มีความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ “ซ้ำรอย” กับเหตุที่ทั้ง “แพทองธาร ชินวัตร” และ “เศรษฐา ทวีสิน” ต้องหลุดเก้าอี้นายกฯด้วยหรือไม่

ตามมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบ มาตรา 160 (4) และ (5)

ยิ่งเมื่อวันนี้ความผิดถือว่าสำเร็จ แล้ว เพราะมีความชัดเจนแล้วว่า นายกฯอนุทิน นำรายชื่อใด ขึ้นทูลเกล้าฯ ไปบ้าง อย่าลืมว่า อาจไม่ได้มีเฉพาะปมประเด็นของร.อ.ธรรมนัส เท่านั้น เมื่อล่าสุดสส.พรรคประชาชน เองเตรียมตรวจสอบรัฐมนตรีในรายอื่นๆด้วยเช่นกัน

 

ประเด็นที่อาจทำให้นายกฯอนุทิน ถูกดึงเข้าสู่โหมด “ความเสี่ยงสูง” จึงกลายเป็น “จุดเริ่มต้น” เท่านั้น  เพราะหากมีการยื่นคำร้อง จาก “ภาคประชาชน” หรือ ฝ่ายการเมือง เพื่อผลักดันให้เรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ

หากศาลฯเห็นว่า “มีมูล” มีมติให้รับคำร้องเอาไว้พิจารณา เท่ากับการนับหนึ่งของความเสี่ยงในด่านแรก ยังไม่นับว่า เมื่อรับคำร้องแล้ว จะมีคำสั่งให้ นายกฯอนุทิน ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ “จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย” จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการ การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ

ถ้าย้อนกลับไปดูคดีคลิปเสียง ที่ทำให้แพทองธาร ต้องพ้นจากเก้าอี้นายกฯ คนที่ 31 จะพบว่า ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ในวันที่ 1 ก.ค. 68 ต่อมา ศาลฯจึงมีคำวินิจฉัย ในวันที่ 29 ส.ค.68

หมายความว่า แพทองธาร ต้องถูก “พักงาน” นานถึง 1 เดือน 29 วัน แต่สำหรับนายกฯอนุทิน ดูเหมือนว่าเขาเองมี “เดิมพัน” ที่หนักหนา รออยู่เบื้องหน้า เพราะหากถูกสั่งให้ “พักงาน” ขึ้นมา โดยที่ยังไม่ทันได้ “ทำงาน” ย่อมจะไปกระทบกับ “เงื่อนไข” ให้ยุบสภาฯใน 4 เดือนตาม MOA ที่ทำเอาไว้กับ พรรคส้ม หรือไม่ ยังไม่นับ "ความเชื่อมั่น" จากภาคธุรกิจ 

แม้ความเสี่ยงเช่นนี้ อนุทินและพรรคภูมิใจไทยเองไม่ต้องการเผชิญหน้า แต่เรื่องบางเรื่อง ล้วนอยู่เหนือการควบคุม ! 

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.