ศรัญญูพุ่งหาไอซ์ ข้ามบูธขาย ‘รัฐราชทัณฑ์’ สุดท้ายได้ปิดดีล ยกไฮไลต์นักโทษการเมือง
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น LG ฮอลล์ 5–8 ภายในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ (BOOK EXPO THAILAND 2025) ครั้งที่ 30 ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้จัดพิมพ์และจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ภายใต้ธีม “Melody of Books – อ่านหรือยัง ฟังหรือเปล่า” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-19 ตุลาคมนี้
เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ผศ.ดร.ศรัญญู เทพสงเคราะห์ เจ้าของผลงาน ‘รัฐราชทัณฑ์’ พิมพ์โดยสำนักพิมพ์มติชน ได้ร่วมถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก สำนักพิมพ์ ‘ฟ้าเดียวกัน’ ร่วมกับ ดร. วิศรุต บวงสรวง ผู้เขียนหนังสือ ‘พระทรงเสกพรไหว้วอนทุกวัน’ เพื่อแนะนำหนังสือดังกล่าว โดย ผศ. ดร.ศรัญญู ได้นำหนังสือรัฐราชทัณฑ์ และของสะสมเกี่ยวกับคณะราษฎรไปบอกเล่าให้ความรู้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้น น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม.พรรคประชาชน เดินทางมายังบูธสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เมื่อถ่ายทอดสดจบลง ผศ.ดร.ศรัญญู จึงเข้าไปแนะนำหนังสือ ‘รัฐราชทัณฑ์’ พร้อมหว่านล้อม น.ส.รักชนก โดยยกเนื้อหาเกี่ยวกับ ‘นักโทษการเมือง’ มานำเสนอ ซึ่ง น.ส.รักชนก ให้ความสนใจอย่างมาก
ต่อมา น.ส.รักชนก ไปเลือกซื้อหนังสือยังบูธสำนักพิมพ์มติชน และให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า
ปีนี้ตั้งใจว่าอยากอ่าน ‘รัฐราชทัณฑ์’ เพราะในอนาคตไม่รู้ว่าตนจะต้องเข้าไปรับราชทัณฑ์หรือไม่ เพราะมีคดี ม. 112 อยู่
น.ส.รักชนก กล่าวว่า คำถามที่หลายๆคนอาจสงสัยเหมือนกันว่า เหตุใด ประเทศไทยจึงไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของคนที่อยู่ภายในห้องขังได้ เราทราบอยู่แล้วว่าสถิติของคนที่เข้าไปอยู่ในห้องขัง 70-85% ไม่จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดังนั้น เหตุใดจึงไม่ให้การศึกษา หรือพยายามที่จะเปลี่ยนให้คนเหล่านั้นเป็นแรงงานที่มีคุณภาพ ซึ่งหนังสือ ‘รัฐราชทัณฑ์’ อาจช่วยตอบคำถาม และช่วยให้ทำความเข้าใจถึงวิธีคิดของรัฐไทยได้ รวมถึงการใช้คำว่า ‘ราชทัณฑ์’
เมื่อถามถึงความสำคัญของกสรอ่าน น.ส.รักชนก กล่าวว่า ความรู้หลายๆอย่างที่ตนตกผลึกมาแล้วนำมาสู่วันนี้ได้ มาจากการอ่าน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือในรูปแบบไหน ก็ช่วยหล่อหลอมให้เรารักการอ่าน
“ตอนเด็กๆ ก็ชอบอ่านเรื่องผีที่เป็น เรื่องสั้น พอมาถึงในช่วงตอนเรียนมัธยม ก็สนใจหนังสือพัฒนาตนเอง เรามาจากชนชั้นที่เรียกว่าแย่กว่ารากหญ้า เรารู้สึกว่าจะทำอย่างไร ถึงจะสามารถขยับชนชั้น สถานะทางสังคมของตัวเองได้ ก็เลยอยากอ่านหนังสือหนังสือพัฒนาตนเอง พอมาในช่วงที่เราเริ่มทำงาน มีความมั่นคงในชีวิต
ก็มาอ่านพวกนวนิยายที่มันสะท้อนสังคม และหนังสือที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์” น.ส.รักชนก กล่าว
น.ส.รักชนก กล่าวต่อไป หลังจากได้อ่านหนังสือประวัติศาสตร์เยอะๆ จึงได้เข้าใจว่าจริงๆแล้วรัฐไทยพยายามจะกำหนดวิธีคิด ผ่านหนังสือเรียน ผ่านหนังสือประวัติศาสตร์ หรือการสอนประวัติศาสตร์แบบไทยๆ แต่ก็มีหลายๆสำนักพิมพ์ เช่น ศิลปวัฒนธรรม ในเครือมติชน และสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันที่พยายามจะตีพิมพ์หนังสือประวัติศาสตร์ที่มันอยู่นอกบรรทัดฐานของสังคมไทย
“ปัจจุบันนี้พอมาเป็นนักการเมือง การอ่านของเราก็เปลี่ยนไป เราอยากอ่านหนังสือที่สามารถเอาไปทำเชิงนโยบายได้ หรือสามารถเอาแนวคิดบางอย่างไปเปลี่ยนแปลงสังคมได้
การอ่านมันเปลี่ยนไปตามช่วงอายุ มันเปลี่ยนไปตามบริบทของชีวิตของเราในวันนั้นๆ หนังสือมันเป็นเหมือน เพื่อนคู่คิด เป็นคู่มือ เป็นเข็มทิศ เป็นประวัติศาสตร์ เป็นกระจกส่อง เป็นอะไรหลายๆอย่างให้กับสังคม
อยากให้ทุกคนลองอ่านหนังสืออะไรก็ได้ที่ตัวเองสนใจ ที่ถนัด หรือว่าอาจจะเริ่มจากคนที่เราชื่นชอบแนะนำมาก่อนก็ได้ แล้วก็ลองอ่านไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเล่มไหนก็แล้วแต่ที่คนอาจจะด่า หรือชื่นชม เมื่อคุณเปิดอ่านคุณก็จะได้พบกับประสบการณ์ชีวิตในแบบอื่นๆ หรืออาจจะได้ตกผลึกแล้วนำไปใช้สักช่วงชีวิตหนึ่งของคุณ” น.ส.รักชนก ทิ้งท้าย
ทั้งนี้ สามารถเลือกชมหนังสือภายในบูธมติชน(J02)ได้ตั้งแต่ วันที่ 9 – 19ตุลาคม 2568 ณ ฮอลล์ 5 – 7 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่เวลา 10:00 – 21:00 น.