(วันนี้ 18 ต.ค. 68) เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 กลุ่มเกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่รวมตัวกันที่ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนถึงรัฐบาล ผ่านนายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ขอให้เร่ง “แก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำที่สุดในรอบหลายปี”
การรวมตัวในครั้งนี้มี นายจำรัส ลุมมา ตัวแทนสหพันธ์เกษตรกรเชียงใหม่-ลำพูน เป็นแกนนำหลัก เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกที่ชาวนาเก็บเกี่ยวอยู่เพียง กิโลกรัมละ 7 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ไม่ต่างจากเมื่อ 20 ปีก่อน (ปี 2550) ทั้งที่ต้นทุนการผลิตกลับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นายจำรัสระบุว่า ราคาข้าวที่ตกต่ำลงจนเหลือกิโลละ 7 บาท ทำให้ชาวนาแต่ละรายขาดทุนเฉลี่ย ไร่ละ 300-500 บาท เพราะต้นทุนผลิตอยู่ที่ ไร่ละราว 7,000 บาท แต่ขายได้เพียง 6,500-6,700 บาท เท่านั้น “ทำไปก็ไม่คุ้มทุน มีแต่ขาดทุน” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง
กลุ่มชาวนาเชียงใหม่จึงยื่นข้อเรียกร้อง 3 ประการ ได้แก่
ด้าน นางณัฐพร มหาไพบูลย์ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้รับหนังสือจากกลุ่มชาวนา เผยว่า ปีนี้เชียงใหม่มีพื้นที่ปลูกข้าวนาปีทั้งหมด 514,497 ไร่ มีเกษตรกรกว่า 75,000 ครัวเรือน ผลผลิตรวมประมาณ 318,380 ตัน ส่วนใหญ่เป็นข้าวเหนียวกว่า 187,000 ตัน
เธอกล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงเริ่มเก็บเกี่ยว จึงคาดว่าช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน-ซึ่งเป็นช่วงผลผลิตออกมากที่สุด-ราคาข้าวอาจขยับขึ้นบ้าง พร้อมยืนยันว่าจะเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อ ตรวจสอบราคาโรงสีในพื้นที่ หากพบว่าโรงสีมีไม่เพียงพอ หรือกดราคาชาวนา ก็อาจพิจารณาอนุญาตให้โรงสีจากนอกพื้นที่เข้ามารับซื้อ เพื่อพยุงราคาให้เป็นธรรม
ทั้งนี้ พาณิชย์จังหวัดจะรายงานปัญหาและข้อเรียกร้องทั้งหมดไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อส่งต่อถึงรัฐบาลกลาง หวังว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนก่อนที่ “เสียงครวญของชาวนา” จะกลายเป็นเพียงเสียงสะท้อนในทุ่งนา
