เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ที่ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข และ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ "การเชื่อมโยงข้อมูลบริการด้านสาธารณสุข บน Digital Health Platform และข้อตกลงการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล (DSA)" ระหว่าง นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน
น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เดินหน้าพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลบริการด้านสาธารณสุข บน Digital Health Platform เชื่อมต่อกับระบบ e-Self Service ของสปส.เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และโปร่งใส ยกระดับบริการภาครัฐสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ (Digital Government)
โดยระบบจะเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสปส.และสธ.ครอบคลุมข้อมูลด้านสิทธิประโยชน์ทางการแพทย์ การใช้บริการสถานพยาบาล และประวัติสุขภาพของผู้ประกันตน ซึ่งผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบข้อมูลและใช้บริการผ่านระบบ e-Self Service ได้ด้วยตนเองทุกที่ทุกเวลา อีกทั้ง ผู้ประกันตนไม่ต้องแนบเอกสารใบรับรองแพทย์ หรือสำเนาเวชระเบียน ประกอบการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทน และไม่ต้องเดินทางมาติดต่อยังสปส.
“จะช่วยให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ที่มีจำนวนเกือบ 12 ล้านคน สามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เช่น การเบิกเงินทดแทนการขาดรายได้ กรณีประสบอันตราย/เจ็บป่วย และสิทธิประโยชน์อื่นๆ ผ่านระบบออนไลน์ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปขอมบรับรองแพทย์ แต่ระบบของ 2 หน่วยงานจะเชื่อมข้อมูลกันเอง โดยนำร่องที่ผู้ประกันตนมาตรา 40 ก่อน ส่วนมาตรา 33 และ 39 จะดำเนินการในระยะต่อไป”น.ส.ตรีนุชกล่าว
นายพัฒนา กล่าวว่า สธ.ได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานระบบสุขภาพของประเทศ ซึ่งการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพระดับประเทศระหว่าง2กระทรวงครั้งนี้ จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลใบรับรองแพทย์ดิจิทัล ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของกลุ่มผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ลดภาระการจัดเก็บเอกสารที่ซ้ำซ้อน และ ช่วยลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย โดยมีการดำเนินการภายใต้มาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างสูงสุด เพื่อให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าข้อมูลจะถูกนำไปใช้อย่างปลอดภัยและเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง
ด้านนางสาวนฤมล บุญมี ผอ. สำนักเสริมสร้างความมั่นคงแรงงานนอกระบบ สปส. ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากเดิมผู้ประกันตนมาตรา 40 ที่จะขอรับประโยชน์ทดแทนการขาดรายได้ จากการเจ็บป่วยรักษาตัว จะต้องขอไปใบรับรองแพทย์เป็นกระดาษจากรพ.เพื่อแนบเป็ฯหลักฐาน ทำให้ต้องใช้เวลาในการเดินทางไปติดต่อขอรับใบรับรองแพทย์ แต่หลังจากที่เชื่อมระบบร่วมกันแล้ว ผู้ประกันตนสามารถแจ้งความประสงค์ที่รพ.เมื่อเข้ารับบริการได้ว่าให้ดำเนินการใบรับรองแพทย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการยื่นขอรับประโยชน์ทดแทน ซึ่งขณะนี้รพ.สังกัดสธ.รองรับระบบนี้ถึง 1,033 แห่ง
จากนั้นผู้ประกันตนสามารถ เข้าสู่ระบบ e-Self Service ผ่านทางเว็บไซต์ www.sso.go.th เพื่อสมัครเข้าใช้งานและดำเนินการขอรับประโยชน์ทดแทนได้เลย เมื่อผู้ประกันตนเข้าสู่ระบบและระบุวันที่เข้ารับบริการ ระบบจะใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชนในการเชื่อมโยงข้อมูล และจะแสดงจำนวนใบรับรองแพทย์อิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมโยงอยู่ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ประกันตนไม่จำเป็นต้องแนบใบรับรองแพทย์แบบกระดาษอีกต่อไป จากนั้นให้ระบุช่องทางในการรับเงิน เช่น พร้อมเพย์ ผ่านธนาคาร
เมื่อเจ้าหน้าที่ประกันสังคมทำการอนุมัติข้อมูลแล้ว เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีพร้อมเพย์ของผู้ประกันตนภายในประมาณ 3-5 วันทำการ การใช้ระบบนี้จะช่วยลดระยะเวลาและลดการเดินทางของผู้ประกันตนมาตรา 40 ได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการดำเนินการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับู้ประกันตนมาตรา 40 เพิ่มเติมโดยยังจ่ายเงินสมทบในอัตราเดิมด้วย