‘ศุลกากร’ ปักธง 1 ม.ค. 69 เดินเครื่องเก็บภาษีนำเข้าตั้งแต่ 1 บาทแรกที่สั่งจากแพลตฟอร์มออนไลน์ แจงเตรียมเรียก Shopp-Lasada หารือ ประเมินช่วยรัฐมีรายได้เพิ่ม 3,000 ล้านบาท
5 พ.ย. 2568 – นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากรพร้อมดำเนินการตามนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล โดยได้มีการวางแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 4 เดือน โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป กรมศุลกากรจะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้ามูลค่าตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป ที่สั่งจากแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีร้านค้าอยู่ต่างประเทศ เช่น Shopee Lasada จะต้องเสียภาษีนำเข้า บวกกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% หลัจากก่อนหน้านี้ได้เคยมีการยกเว้นภาษีนำเข้าให้กับสินค้าที่มีราคาไม่เกิน 1,500 บาท โดยเก็บเฉพาะภาษี VAT เพียงอย่างเดียว โดยประเมินว่า แนวทางดังกล่าวจะช่วยทำให้มีเงินเข้ารัฐเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ภายในวันที่ 7 พ.ย. 2568 จะมีการเชิญแพลตฟอร์มออนไลน์เข้ามาหารือ เพื่อขอให้มีการส่งข้อมูลว่า มีสินค้ากี่ชิ้น มูลค่าเท่าไหร่ เสียภาษีนำเข้าและ VAT เท่าไหร่ โดยเป็นการขอความร่วมมือ เนื่องจากกรมศุลกากรไม่มีอำนาจในการไปบังคับส่วนนี้ หากแพลตฟอร์มไหนให้ความร่วมมือก็จะทำให้กรมฯ มีข้อมูลในการตรวจปล่อยสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและเร็วมากขึ้น แต่หากไม่ได้รับความร่วมมือ ไม่มีข้อมูลมาก็อาจจะส่งผลให้การตรวจปล่อยทำได้ช้า เพราะสินค้าแต่ละปีที่เข้ามามีหลายหมื่นชิ้น
สำหรับแนวทางการดำเนินการ คือ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 กรมศุลกากรจะเริ่มเก็บอากรสินค้านำเข้าตามพิกัดอัตราภาษีศุลกากร สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป ซึ่งสินค้าแต่ละชนิดจะเสียอากรเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับว่าสินค้านั้นเป็นอะไร ทำด้วยอะไร เช่น สินค้าที่ทำด้วยพลาสติก อาจจะเสียอากร 20% บวกด้วย VAT 7% โดยในแต่ละปีกรมฯ เก็บภาษี VAT ได้ราว 2,000 กว่าล้านบาท ตรงนี้เป็นแนวทางระยะสั้น แต่ในระยะยาวกรมฯ อยากเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าแบบเหมารวมทุกพิกัดภาษี เช่น ทุกสินค้าที่มาเป็นกล่องเก็บภาษีที่ 20-30% แต่ตรงนี้ต้องมีการแก้ไขกฎหมายซึ่งใช้เวลานาน
“ที่ผ่านมาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีบ่นเยอะว่ามีสินค้าจากแพลตฟอร์มต่างประเทศทะลักเข้ามาในไทย ปีก่อนเกือบ 200 ล้านชิ้น มูลค่า 45,000 ล้านบาท โดยในส่วนนี้เป็นของที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท เกือบ 30,000 ล้านบาท เมื่อก่อนเราไม่เก็บทั้ง VAT และอากร จนมาถึงเมื่อ ก.ย. 2567 ที่เริ่มเก็บ VAT แต่วันนี้เราตรวจไม่ไหวเพราะสินค้าเข้ามามากมาย ก็ต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรกับสินค้าที่สั่งผ่านแพลตฟอร์มต่างประเทศ ก็เลยเป็นที่มาของนโยบายตรงนี้ ส่วนหนึ่งเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยให้แข่งขันได้ และยังมีเงินเข้ารัฐอย่างน้อยปีละ 3,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันจะมีการขอความร่วมมือจากแพลตฟอร์มในการช่วยตรวจสอบไม่ให้มีการนำสินค้าที่ไม่มีใบอนุญาต หรือสินค้าละเมิดมาขาย เช่น บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นการป้องกันตั้งแต่ต้นทาง ก็จะช่วยให้สินค้าเหล่านี้เข้ามาในประเทศลดลง” นายพันธ์ทอง กล่าว
นายพันธ์ทอง กล่าวอีกว่า จะมีการปรับเปลี่ยนระบบการตรวจตู้สินค้าให้มีความเป็นสากลมากขึ้น ภายใต้เงื่อนไขว่าจะต้องไม่เป็นภาระกับผู้ประกอบการที่สุจริต โดยแนวทางเบื้องต้นอาจจะมีการจัดกลุ่มผู้ประกอบการและใช้มาตรการในการตรวจที่แตกต่างกัน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการขับเคลื่อนการค้าของประเทศ และยังเป็นการช่วยป้องกันสังคม
นอกจากนี้ จะมีการเพิ่มรอบในการประชุมคณะกรรมการอุทธรณ์เป็นอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อเร่งพิจารณาในการจ่ายคืนภาษีในส่วนที่มีการอุทธรณ์ เงินชดเชย เงินค้ำประกันให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่อง โดยได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ว่าให้เร่งพิจารณาสำหรับยอดคืนที่มีมูลค่ามากก่อน โดยขณะนี้มีเงินที่ต้องเร่งพิจารณาคืนให้กับผู้ประกอบการค้างอยู่ราว 100 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน จะมีการออกระเบียบยกเลิกเงินรางวัลสำหรับผู้บริหารกรมศุลกากรที่สูงกว่าระดับ 8 ขึ้นไป ไม่มีสิทธิได้รับเงินรางวัล เพราะมองว่าเงินรางวัลดังกล่าวอาจถูกมองว่าเป็นแรงจูงใจที่ไม่ค่อยดีที่ทำให้หลายฝ่ายมองว่าผู้บริหารของกรมฯ เข้าไปมีส่วนได้เสียกับดำเนินการในส่วนนี้ แต่เชื่อว่าแม้จะมีการยกเลิกเงินรางวัลแต่จะไม่ส่งผลให้ข้าราชการของกรมศุลกากรเกียร์ว่างแน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนยังมุ่งมั่นในการทำงานอย่างเต็มกำลัง