คนละครึ่งพลัส วันที่ 8 ใช้จ่ายพุ่ง 1.7 หมื่นล้าน ชวนที่เหลือสแกนก่อน 1 1พ.ย.
นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง พลัส (โครงการฯ) โดย ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 เวลา 17.00 น. ว่า มีผู้ใช้จ่ายผ่านโครงการฯ สำเร็จแล้วกว่า 18 ล้านราย ยอดใช้จ่ายรวมกว่า 17,042.34 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายจำนวน 8,625.02 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่ายจำนวน 8,417.32 ล้านบาท ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ระหว่างเวลา 06.00 – 23.00 น. ผ่าน G-Wallet ในแอพพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยในแต่ละวันไม่จำเป็น ต้องใช้จ่ายให้เต็มสิทธิ 200 บาท ด้านความคืบหน้าของการลงทะเบียนร้านค้าในโครงการฯ จากข้อมูลสะสม ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 เวลา 17.00 น. มีร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลแล้วจำนวน 858,167 ราย
นายวินิจ กล่าวว่า การใช้จ่ายในโครงการฯ จะต้องเป็นการซื้อขายสินค้า และบริการเฉพาะบริการนวด สปา ทำเล็บ ทำผม และบริการขนส่งสาธารณะ โดยไม่รวมถึงสินค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ บัตรกำนัล บัตรเงินสด และบริการรูปแบบอื่น ๆ ที่เป็นการชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้า โดยผู้ซื้อและผู้ขายต้องมีการทำธุรกรรมซื้อขายและสแกน QR Code เพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการแบบพบหน้า (Face to Face) โดยไม่มีการดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์หรือผ่านคนกลาง เว้นแต่การใช้สิทธิผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ที่เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งนี้ สำหรับผู้ประกอบการที่ให้บริการนวด และสปา ที่ประสงค์จะลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ขอให้ตรวจสอบชื่อและที่ตั้งของสถานประกอบการในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ให้ตรงกับใบอนุญาตสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการตรวจสอบ และอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ ดังมีรายละเอียดวิธีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลร้านค้าถุงเงินบนเว็บไซต์ถุงเงินกรุงไทยปรากฏตาม QR Code