'เอกนิติ' ยันเศรษฐกิจไทยโตพ้นหล่ม คาดQ4จีดีพีทะลุ1% ลุยแก้หนี้เกษตร8พันล.
GH News November 06, 2025 05:12 PM

‘เอกนิติ’ การันตีเศรษฐกิจไทยโตพ้นหล่ม กางผลงาน 1 เดือนเร่งเข็นมาตรการกระตุ้น ดันจีดีพีไตรมาส 4/68 โตไม่ต่ำกว่า 1% มั่นใจทั้งปีทะลุ 2% แน่นอน เดินเครื่องแก้หนี้ภาคเกษตร เข็น ธ.ก.ส. ผุด AMC ภายในสางหนี้เสีย 1 แสนราย วงเงิน 7-8 พันล้านบาท ปักธงไม่เกิน พ.ย. เห็นแน่!

6 พ.ย. 2568 – นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง กล่าวปาถกฐาพิเศษหัวข้อ ‘Unlocking Growth and Shared Prosperity ก้าวต่อไปของไทย : ปลดล็อกการเติบโตสู่ความมั่งคั่งที่ทุกคนเข้าถึงได้’ ในงานสัมมนา The Standard Economic Forum 2025 ‘Thailand’s Next Frontier’ ว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้เร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, โครงการคนละครึ่ง พลัส, และโครงการเที่ยวดีมีคืน ซึ่งเป็นไปตามแนวทางเสาหลักที่ 1 ตามนโยบายของรัฐบาลในการฟื้นเศรษฐกิจเรียบร้อยแล้ว ทำให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยพ้นจากหล่มอย่างแน่นอน จากเดิมคาดว่าไตรมาส 4/2568 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เพียง 0.3% แต่ขณะนี้มั่นใจว่าจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 1% และทั้งปี 2568 จะขยายตัวได้เกิน 2% แน่นอน

โดยหลังจากนี้รัฐบาลได้เร่งเดินหน้าเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญของเศรษฐกิจไทย ที่ยังไม่มีใครลงมาจัดการอย่างจริงจัง ซึ่งล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company : AMC) ในกลุ่มที่มีหนี้เสียต่ำกว่า 1 แสนบาท โดยการดึงเม็ดเงินที่เหลือจากโครงการคุณสู้ เราช่วย จำนวน 2 หมื่นกว่าล้านบาทมาดำเนินการซื้อหนี้เสียดังกล่าว พร้อมทั้งออกมาตรการตัดต้น ลดดอก ยืดอายุหนี้ เพื่อช่วยเหลือให้ลูกหนี้สามารถมีลมหายใจต่อไปได้ และหากลูกหนี้มีวินัยผ่อนชำระดี ก็จะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อใหม่ในระบบได้ด้วย ตรงนี้ถือเป็นการสร้างโอกาสให้ลูกหนี้กลับมามีชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง และถือเป็นการแก้หนี้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการในเฟสแรก กับลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ และนอนแบงก์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์​ ราว 2 ล้านราย วงเงิน 6 หมื่นล้านบาท จากลูกหนี้ทั้งหมด 3.5 ล้านราย 4.7 ล้านบัญชี วงเงิน 1.2 แสนล้านบาท

ขณะเดียวกัน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะเร่งจัดตั้ง AMC ภายในขึ้นมาเพื่อเข้ามาช่วยแก้ปัญหาหนี้เสียของลูกหนี้ภาคเกษตร ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 1 แสนราย วงเงิน 7-8 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในเดือน พ.ย. 2568 ส่วนหนึ่งที่ ธ.ก.ส. ต้องดำเนินการจัดตั้ง AMC ภายในขึ้นมาบริหารจัดการเองนั้น เพราะสินเชื่อภาคเกษตรมีความเฉพาะตัวมาก ไม่เหมือนกับสินเชื่อทั่วไป โดยที่ผ่านมาได้หารือกับนายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส. เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง ธ.ก.ส. มีความพร้อมและเตรียมทำการบ้านมาแล้วส่วนหนึ่ง

“หัวใจสำคัญของการปลดล็อกให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืนนั้น คำตอบอยู่ในนโยบายเศรษฐกิจที่ได้มีการแถลงต่อสภาไปเรียบร้อยแล้ว โดยรัฐบาลมีธีมชัดเจนว่าใน 4 เดือนจะทำอะไรบ้าง ซึ่งหลักเลยคือต้อง Quick-Big และ Win ต้องการจายตัว โดยสิ่งสำคัญตอนนี้คือการกระตุ้นสั้นเราเร่งดำเนินการแล้ว ใน 4 อาทิต 1 เดือน ผลักดัน 4 มาตรการ ทำให้มั่นใจแล้วว่าวันนี้เศรษฐกิจไทยเราพ้นหล่ม ขณะเดียวกันผลในระยะยาว รัฐบาลก็ได้มีการวางรากฐานไว้แล้วแม้จะมีเวลาเพียง 4 เดือน แต่รัฐบาลทำให้เห็นได้ชัดเจนว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง” นายเอกนิติ กล่าว

นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า อีกหนึ่งเสาเศรษฐกิจที่รัฐบาลเร่งดำเนินการ คือ เสาที่ 5 ผ่านการลงทุนเพื่ออนาคต ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยด้วย โดยต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาไทยไม่ได้มีการลงทุนมานาน เมื่อไม่มีการลงทุนแล้วจะเอาแรงส่งที่ไหนมาขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจเติบโต ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากไทยไม่มีงบประมาณพอที่จะลงทุน เนื่องจกาฐานะการคลังมีจำกัด นั่นเป็นเหตุผลที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้ปรับ Outlook ของไทยลง แต่สิ่งที่รัฐบาลเห็นทางออก นั่นคือการใช้เครื่องมือทางการเงินที่ไม่ก่อให้เกิดหนี้สาธารณะ เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFF) มาช่วยทำให้เกิดการลงทุนสำหรับอนาคตใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยหนึ่งในโครงการสำคัญที่สามารถดำเนินการผ่านกองทุน TFF คือ โครงการ Floating Solar (โซลาร์ลอยน้ำ) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างมาก หลักการคือ รัฐบาลจะนำรายได้ในอนาคต (Future Income) จากโครงการดังกล่าวมาขายให้กับนักลงทุนบางส่วน จะช่วยให้เรามีเงินทุนเข้ามาเพื่อนำไปขยายการลงทุนในพลังงานสะอาดใหม่เพิ่มขึ้น โดยที่่ กฟผ. ไม่ต้องกู้เงิน ซึ่งถือเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยใช้เครื่องมือทางการเงิน ไม่เป็นการเพิ่มภาระหนี้สาธารณะ และไม่เป็นภาระต่องบประมาณ อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดการลงทุนเพื่ออนาคต Go Green และยังเป็นการลงทุนที่มีธรรมาภิบาลอีกด้วย

นอกจากนี้ จะเร่งเพิ่มทักษะของแรงงานไทย เพื่อสร้างคนเก่งให้สอดรับกับการลงทุนเพื่ออนาคต โดยเตรียมจะดึงเม็ดเงินจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท เพื่อมาใช้ในการ Up-Skill/ Re-Skill ให้แรงงานไทยเก่งขึ้น ขณะเดียวกันจะมีการเร่งปลดล็อกกฎ กติกา และระเบียบต่าง ๆ ที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนผ่านการขอรับการส่งเสริมการลงทุน ผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่ยังมีเม็ดเงินค้างท่ออีกราว 4.7 แสนล้านบาท เพื่อเร่งผลักดันเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว

“ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยยังมีอนาคต และเชื่อมั่นว่ายังไม่สายเกินไปที่จะเร่งยกระดับในทุกมิติ แม้รัฐบาลจะมีเวลาเพียง 4 เดือน แต่เชื่อว่าเวลาตรงนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้เข้มแข็งและเติบโตได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งยังสามารถยืนได้อย่างมั่นคงในเวทีโลก

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.