บิ๊กเติ่ง รุดกราบหลวงปู่เสน หลังมอบรถแบ๊กโฮและอุปกรณ์ทำถนน-รั้วชายแดน ยันปราสาทตาควายเป็นของไทย

เมื่อเวลา 14.10 น. วันที่ 6 พฤศจิกายน พล.ท.วีรยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 หรือแม่ทัพเติ่ง พร้อมคณะเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์มาที่วัดราษฎร์สงเคราะห์ หรือวัดป่าหนองแซง ต.หนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี เพื่อมากราบอขอพรหลวงปู่เสน ปัญญาธโร อายุ 90 ปี และรับมอบเครื่องอุปโภค บริโภค อุปกรณ์ และรถแบ๊กโฮ จำนวน 3 คัน ในการสร้างถนนและรั้วตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีลูกศิษย์หลวงปู่เสนและชาวบ้านหนองแซงให้การต้อนรับ

พร้อมกันนี้ ได้ผูกผ้าขาวม้าให้แม่ทัพเติ่งและรองแม่ทัพภาค 2 พร้อมด้วยที่ปรึกษาแม่ทัพภาค 2 ตามประเพณีของชาวอีสาน บริเวณประตูทางเข้าฐานองค์พระพุทธไตรโลกนาถศาสดา หรือหลวงพ่อสมประสงส์ และพร้อมกับกล่าวชมแม่ทัพเติ่งว่าตัวจริงรูปหล่อกว่าในรูปภาพเสียอีก ทำให้แม่ทัพเติ่งทำท่าเขินเล็กน้อย ก่อนจะพาคณะเข้าไปกราบองค์พระประธานที่อยู่ด้านใน แล้วเข้าไปกราบหลวงปู่เสน และสนทนากันประมาณ 15 นาที ก่อนที่หลวงปู่เสนจะมอบพระพุทธรูป 3 องค์ และเหรียญปลุกเสกให้แม่ทัพเติ่งไปมอบให้ทหารกล้าตามแนวชายแดน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และแค้วคลาดปลอดภัยจากพยันอัตรายทั้งปวง

จากนั้นแม่ทัพเติ่งได้เข็นวีลแชร์ให้หลวงปู่เสนไปที่ลานด้านหน้าองค์หลวงพ่อสมประสงส์ ที่ลูกศิษย์ของหลวงปู่เสนทั่วประเทศร่วมทำบุญบริจาคให้กับหลวงปู่ เพื่อเป็นคนมอบให้ทางกงทัพภาคที่ 2 เป็นการทยอยส่งไปตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ประเทศไทยและประเทศกัมพูชามีความขัดแย้งเรื่องแนวเขตชายแดน หรือตั้งแต่เมื่อครั้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง หรือแม่ทัพกุ้ง ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ส่วนรถแบ๊กโฮ 3 คัน ราคาคันละ 1,400,000 บาท จะมอบให้ในวันที่ 6 ธันวาคม 2568 ซึ่งตรงกับวันเกิดของหลวงปู่เสน ครบรอบ 91 ปี

หลังจาก พล.ท.วีรยุทธรับมอบสิ่งของจากหลวงปู่เสนเสร็จแล้ว ได้กล่าวของพระคุณหลวงปู่เสนที่เมตตากองทัพภาคที่ 2 รวมทั้งลูกศิษย์หลวงปู่เสนทั่วประเทศที่เล็งเห็นความสำคัญของทหารที่อยู่ตามแนวชายแดน คอยปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย ให้คนไทยได้มีผืนแผ่นดินอยู่ และทำมาหากิน เพราะเป็นผืนแผนดินของไทยมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ปู่ ย่า ตายาย

โดยหลวงปู่เสนได้ให้พรแก่คณะแม่ทัพเติ่งและลูกศิษย์ที่มาร่วมงาน ก่อนจะร่วมกันถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก และแม่ทัพเติ่งได้เข็นวีลแชร์ให้หลวงปู่เสนกลับใต้ฐานองค์หลวงพ่อสมประสงส์ ก่อนกราบหลวงปู่เสน แล้วพาคณะเดินทางกลับนครราชสีมา

ในตอนหนึ่ง พล.ท.วีรยุทธให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้วยภาษาอีสานว่า หลังจากทั้งสองประเทศขนอาวุธหนักออกจากแนวชายแดน กองทัพไม่มีความเคร่งเครียดอะไร เพราะเราปฏิบัติตามกฎกติกาที่ตกลงกันก่อนหน้านี้ และกองทัพภาคที่ 2 มีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ และมีความพร้อมตลอดเวลา หากทางกัมพูชาไม่ทำตามข้อตกลง ยืนยันว่าไม่มีหนังสือออกมาประมาณว่าทางฝั่งไทยเตรียมใช้กำลัง เพื่อจะยึดประสาทตาควายกลับคืน และขอยืนยันว่าปราสาทตาควายเป็นของประเทศไทย และทางกองทัพก็เตรียมพร้อมและวางแผนเอาไว้แล้ว

“จะยึดคืนด้วยวิธีใดนั้น มันเป็นความลับและยุทธวิธีทางทหาร ไม่สามารถบอกได้ ส่วนวันที่ 8 พฤศจิกายน ภาคประชาชนจะไปร่วมกันทวงประสาทตาควายกลับคืนก็ขอขอบคุณพี่น้องชาวไทยที่จะไปให้กำลังใจทหาร แต่ก็ต้องระมัดระวังความปลอดภัย เพราะทางฝั่งนั้นมีทั้งโดรนและทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ส่วนที่ทหารกัมพูชาไม่มาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพราะว่ามีระเบิดฝังตามแนวชายแดนมากนับพันลูก อีกทั้งทางกองทัพภาคที่ 2 ก็ห่วงความปลอดภัยของทหาร หรือผู้ใต้บังคับบัญชาผมที่อยู่ตามแนวชายแดน ก็ต้องปลอดภัยด้วย”