“กองทุนหทัยทิพย์” สร้างบังเกอร์ คืบหน้า กองทัพภาคที่ 2 เร่งสร้างหลุมบุคคลคู่ 256 แห่ง พร้อมหลุมหลบภัยสำหรับประชาชน 7 แห่ง เล็งปกป้องกำลังพลและประชาชน หลังเหตุโดรนกัมพูชาทิ้งระเบิดช่องอานม้า
เมื่อวันที่ 9 พ.ย.68 พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า วานนี้ (8 พ.ย.) ตนได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างฐานที่มั่นกำบัง (หลุมบุคคลคู่) ภายใต้โครงการ “กองทุนหทัยทิพย์” ของมูลนิธิจุฬาภรณ์ ที่ฐานปฏิบัติการแดนไกล ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี หลังจากเกิดสถานการณ์การปะทะในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งก่อนหน้านี้กำลังพลไทยประสบความเสี่ยงเนื่องจากไม่มีที่กำบัง ทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการถูกโดรนโจมตี

พล.ท.วีระยุทธ กล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือของกองทัพภาคที่ 2 และกองกำลังสุรนารี โดยมีเป้าหมายในการเสริมสร้างความปลอดภัยให้แก่กำลังพล และประชาชนที่อาศัยตามแนวชายแดน โดยปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างหลุมบุคคลคู่ 256 แห่ง และหลุมหลบภัยสำหรับประชาชน 7 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์

โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้าในการก่อสร้างจาก พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผบ.กกล.สุรนารี, พล.ต.กิติศักดิ์ ถารวร ผู้บัญชาการกองพลพัฒนา 2 และ พ.อ.คุณนิธ สิทธิชัยกานต์ ผู้บังคับการช่างที่ 2 พัน 202 ซึ่งเป็นหน่วยหลักในการดำเนินการก่อสร้าง
ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เน้นย้ำว่า การสร้างฐานที่มั่นกำบังในพื้นที่เสี่ยง หรือ บังเกอร์ มีความสำคัญในการปกป้องชีวิตนักรบชายแดน พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนที่สนับสนุนโครงการกองทุนหทัยทิพย์ ที่ช่วยให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจมากยิ่งขึ้น

“ไทยนี้รักสงบ แต่หากจำเป็นต้องปกป้องอธิปไตย เราก็พร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว
สำหรับโครงการก่อสร้างหลุมบุคคลคู่และหลุมหลบภัยยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง เพื่อสร้างความพร้อมและความปลอดภัยสูงสุดให้กับทั้งกำลังพลและประชาชนในพื้นที่แนวชายแดนไทย–กัมพูชา