ครม.เศรษฐกิจเคาะ 3 แพ็กเกจบีโอไอ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 คิกออฟ Thailand FastPass นำร่องเร่งรัดโครงการให้ลงทุนจริง 80 โครงการ มูลค่า 4.8 แสนล้านบาท พร้อมเตรียมเม็ดเงินกองทุนเพิ่มขีดฯ 5,000 ล้านบาท
24 พ.ย. 2568 – นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ วันที่ 24 พ.ย. 2568 ที่ประชุมได้เห็นชอบมาตรการเร่งรัดการลงทุนและการส่งเสริมการลงทุนเพื่ออนาคต โดยมอบหมายให้บีโอไอขับเคลื่อนและดำเนินการ 3 มาตรการ ได้แก่ 1. มาตรการ Thailand FastPass และการแก้ไขปัญหา/อุปสรรคเพื่อเร่งรัดให้เกิดการลงทุนโดยเร็ว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสำคัญที่มีการลงทุนสูง เช่นดาต้าเซ็นเตอร์ การพัฒนานิคมอุตสาหกรรม การผลิตพลังงานสะอาด และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
ทั้งนี้ การจัดทำระบบ Thailand FastPass เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก โดยจะเป็นกลไกใหม่ที่นำมาใช้เพื่อปลดล็อกอุปสรรคของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ให้สามารถเดินหน้าลงทุนได้อย่างรวดเร็ว และจะนำไปสู่กระบวนการแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคอย่างถาวรรวมถึงการจัดหาพลังงานสะอาดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุน โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) พิจารณากำหนดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กพผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) เป็นต้น และติดตามการจัดทำ SLA ของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อปลดล็อกต่อไป โดยตั้งเป้าให้การพิจารณาอนุมัติ/อนุญาตเร็วขึ้นอย่างน้อย 20–50% เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน และกระตุ้นให้เกิดการลงทุนจริงอย่างรวดเร็วพร้อมดำเนินการภายในเดือน ธ.ค. 2568
2.มาตรการสร้างบุคลากรทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรมยุคใหม่(Upskill & Reskill) จำนวน 1 แสนคน และ 3. มาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยมาตรการที่ 2 และ 3 จะใช้เงินจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ ในวงเงินประมาณ 5,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยโดยเร็วและวางรากฐานการเติบโตในระยะต่อไป โดยได้มอบหมายบีโอไอประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ดำเนินการขับเคลื่อน
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า นอกจากกลไก Thailand FastPass แล้ว ในส่วนของการแก้ไขปัญหา/อุปสรรคเพื่อเร่งรัดการลงทุนในระยะสั้น บีโอไอได้คัดเลือกโครงการขนาดใหญ่ที่จะมีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่อนำร่องแก้ไขปัญหาจำนวน 80 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 4.8 แสนล้านบาท โครงการส่วนใหญ่ประสบปัญหาด้านระบบเครือข่ายสายส่งไฟฟ้ามีข้อจำกัดในบางพื้นที่ปัญหาการจัดหาที่ดินอุตสาหกรรม ปัญหาด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน รวมถึงปัญหาการขอใบอนุมัติ/อนุญาตต่าง ๆ สำหรับการประกอบธุรกิจ โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบแนวทางแก้ไขปัญหาด้านการลงทุน ดังนี้
ด้านระบบส่งไฟฟ้าและพลังงานสะอาด เพื่อให้ผู้ลงทุนมีพลังงานไฟฟ้าอย่างเพียงพอ จึงมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เร่งรัดการออกประกาศหลักเกณฑ์การวางหลักประกันการใช้โครงข่ายระบบไฟฟ้าเพื่อให้เกิดการลงทุนขยายระบบสายส่งไฟฟ้าให้เข้าถึงพื้นที่เป้าหมายตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้านครหลวง เร่งออกหนังสือยืนยันการจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำหรับกิจการ Data Center ที่เตรียมลงทุน
นอกจากนี้ เพื่อให้มีกลไกพลังงานสะอาดในราคาที่แข่งขันได้ เพื่อตอบโจทย์ทิศทางการลงทุนสีเขียวในอนาคต จึงให้สำนักงาน กกพ. เร่งออกประกาศหลักเกณฑ์และอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวแบบที่ 2 (UGT2) และโครงการนำร่องซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนโดยตรง (Direct PPA) ให้แล้วเสร็จภายในเดือนธ.ค. 2568 นอกจากนี้ให้ 3 การไฟฟ้าวางแผนการลงทุนโครงข่ายระบบไฟฟ้าเพื่อรองรับโครงการลงทุนสำคัญต่อไป
ด้านพื้นที่ลงทุนเพื่อจัดเตรียมพื้นที่รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ประสานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสำนักงาน EEC (กรณีในพื้นที่ EEC) เพื่อพิจารณาทบทวนการวางและปรับปรุงผังเมืองรวมและผังชุมชน
กำหนดแนวทางการเพิ่มพื้นที่นิคมฯ รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมในอนาคต ภายในเดือนมี.ค. 2569 และให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.)
จัดทำแนวทางผ่อนผันให้อนุญาตขุดถมดินเพื่อเตรียมพร้อมที่ก่อสร้างไปพลางก่อนระหว่างยื่นความเห็นชอบรายงาน EIA ให้แล้วเสร็จภายในเดือนม.ค. 2569 ทั้งนี้ ให้บีโอไอประสานกับคณะกรรมการขับเคลื่อนเร่งรัดและติดตามนโยบายสำคัญของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคด้านกฎหมายต่อไป
ด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการบุคลากรต่างชาติทักษะสูงที่จะเข้ามาทำงานในกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน จึงให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกรมการจัดหางาน เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอต่อปริมาณงาน เพื่อลดระยะเวลาการรอคอยวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน และให้กรมการจัดหางาน พิจารณายกเว้นการใช้ระบบ e-WorkPermit ซึ่งยังพัฒนาไม่เสถียร สำหรับการบริการที่ศูนย์วันสต็อป ภายในเดือนธ.ค. 2568
และให้ปรับปรุงระบบ e-Work Permit สำหรับศูนย์วันสต็อป ให้มีประสิทธิภาพและทดสอบระบบจนเสถียร ให้แล้วเสร็จภายในเดือนม.ค. 2569 พร้อมเชื่อมโยงระบบ Single Window ของบีโอไอกับระบบ e-Visa ของกรมการกงสุลให้แล้วเสร็จภายในเดือนก.พ. 2569 โดยให้ทุกหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคทั้ง 3 ด้าน รายงานผลการดำเนินการต่อบีโอไอต่อไป
ด้านการขอใบอนุมัติ/อนุญาตต่าง ๆ สำหรับการประกอบธุรกิจ บีโอไอจะเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามการออกใบอนุญาตเป็นรายกรณีโดยเฉพาะใบอนุญาตที่มีผลต่อการเริ่มต้นธุรกิจ เพื่อให้โครงการต่าง ๆ สามารถเดินหน้าลงทุนตามแผนโดยเร็ว และจะนำกลไก Thailand FastPass มาใช้เร่งรัดในระยะต่อไป