กองทุนกีฬาแจงสาเหตุทำไม? ทัพซีเกมส์ ฝันสลาย ต้องยึดเงินรางวัลเหรียญทอง 3 แสนเท่าเดิม
จากกรณีสมาคมกีฬา “แห่งประเทศไทย” หลายสมาคมฯ เกิดความสับสนและสอบถามเกี่ยวกับเงินรางวัลจากความสำเร็จของนักกีฬาไทยในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568 ว่า จะได้รับเพิ่มจากเดิมเหรียญทอง 3 แสนบาท จะได้รับอัดฉีดเพิ่มอีก 2 แสน รวมเป็น 5 แสนบาท เหรียญเงินจาก 1.5 แสน เพิ่มเป็น 3 แสนบาท และเหรียญทองแดงจาก 7.5 หมื่น เพิ่มเป็น 1.5 แสนบาท ตามที่ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เคยประกาศเอาไว้และได้รับความเห็นชอบในหลักการจากนายสรวงศ์ เทียนทอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือไม่อย่างไรนั้น
ผู้สื่อข่าว “มติชน” สอบถามความชัดเจนกรณีดังกล่าวไปยัง นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) โดยนายทนุเกียรติ เปิดเผยว่า ณ เวลานี้กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ยังคงต้องยึดการจ่ายเงินรางวัลนักกีฬาไทยตามระเบียบที่กำหนด เพราะยังไม่มีการแก้ไขระเบียบหลักเกณฑ์การจ่ายเงินรางวัล โดยระเบียบที่ยึดอยู่ตอนนี้จะได้รับเหรียญทอง 3 แสนบาท เหรียญเงิน 1.5 แสนบาท และเหรียญทองแดง 7.5 หมื่นบาท ต้องถามว่าเรื่องระเบียบที่คิดว่าจะได้รับ 5 แสนบาท มาจากไหน เป็นนโยบายเก่า และมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลไป ประกอบกับกองทุนฯ ได้จัดทำคำของบประมาณในส่วนของเงินรางวัลไว้แล้วก่อนหน้านี้โดยยึดที่ระเบียบที่ใช้อยู่ 3 แสนบาท ดังนั้นในซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ยังคงต้องยึดระเบียบที่มีอยู่
นายทนุเกียรติ กล่าวต่อไปว่า ขอยืนยันให้กับสมาคมกีฬา “แห่งประเทศไทย” ที่เข้าร่วมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 สบายใจได้คือ กองทุนฯ ได้เตรียมเรื่องของเงินรางวัลนักกีฬาไทยไว้แล้ว 528-600 ล้านบาทตามการประเมินความสำเร็จของทัพนักกีฬาไทยจึงไม่ต้องกังวลเรื่องของงบประมาณที่จะล่าช้า เพราะ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานบอร์ดกองทุนฯ มีนโยบายชัดเจนว่า นักกีฬาที่แข่งขันจบจะได้รับเงินรางวัลจากรัฐบาลผ่านกองทุนฯ ภายใน 7 วันหลังเสร็จสิ้นการแข่งขันโดยดำเนินการเบิกจ่ายผ่านระบบ KTB Corporate Online เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่ทัพนักกีฬาไทย
“เข้าใจทุกสมาคมกีฬาที่ต้องการเงินรางวัลเพิ่มขึ้นแต่ ณ เวลานี้ระเบียบที่ใช้อยู่คือ หลักเกณฑ์ 3 แสนบาท หากเราเพิ่มครั้งนี้ ครั้งต่อๆ ไป ก็ลดลงไม่ได้อีก ที่สำคัญการจะไปของบกลางในช่วงเวลานี้คงไม่เหมาะสมเพราะมีชาวบ้านที่ประสบปัญหาอุทกภัย และรัฐบาลจำเป็นต้องช่วยเหลือประชาชนในส่วนนั้นก่อน” ผู้จัดการกองทุนฯ กล่าว