‘เอกนิติ’ ยัน 4 เดือนรัฐบาลเร่งอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดันไตรมาส 4/68 ฟื้นตัวได้ ฟุ้งไทยยังเนื้อหอมต่างชาติสนใจลงทุน แนะเร่งคว้าโอกาสเติบโต กระทุ้งปลดล็อกลงทุน ชูพลังงานสะอาดเปิดทางระเบียบโลกใหม่
28 พ.ย. 2568 – นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า มั่นใจว่าภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาส 4/2568 จะฟื้นตัวขึ้นมาได้ จากความพยายามของรัฐบาลในการเร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ภายใต้นโยบาย Quick-Big-Win ด้วยข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาเพียง 4 เดือน และงบประมาณ ดังนั้นในแต่ละโครงการ จึงเป็นความพยายามในการใช้งบประมาณที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด ภายใต้กรอบการรักษาวินัยการคลัง ซึ่งได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ S&P ที่ยังคง Outlook ของประเทศไทยไว้
ทั้งนี้ มองว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยยังมีโอกาสในการเติบโต และยังสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแต่ยังติดขัดอุปสรรคต่าง ๆ ที่ทำการลงทุนโดยเฉพาะจากต่างประเทศยังไม่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันเศรษฐกิจโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ผ่าน 3 เรื่องใหญ่ คือ ระเบียบเรื่องการค้า ระเบียบเรื่องเทคโนโลยี และระเบียบเรื่องสภาพภูมิอากาศ เป็นอีกโจทย์สำคัญที่รัฐบาลได้คำนึงถึงในการออกแบบนโยบายเศรษฐกิจ ที่ไม่เพียงเน้นการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่ยังมองถึงการเติบโตในระยะยาวอีกด้วย
โดยมองว่าประเทศไทยยังมีโอกาสในการแข่งขันและเติบโต แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องเร่งจัดการเพื่อคว้าโอกาสผ่านการลงทุนโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ ซึ่งปัจจุบันตัวเลขคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน (Application) จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เติบโตสูงถึง 90% ซึ่งหลัก ๆ เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไทยยังพอมีขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น อุตสาหกรรมเกษตร, อุตสาหกรรมอาหาร (Food Processing), อุตสาหกรรมสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์, อุตสาหกรรมออโตเมชั่น และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร ซึ่งวันนี้คำขอฯ เหล่านั้นกลับยังไม่เกิดการลงทุนจริง เนื่องจากยังติดขัดเรื่องกฎ ระเบียบ และเรื่องโครงสร้างพื้นฐานบางอย่าง
“วันนี้เราเอาโครงการทั้งหมดที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนและพร้อมจะลงทุน วงเงินกว่า 4.8 แสนล้านบาท มากางดู และในกลุ่มนี้มีโครงการลงทุนขนาดที่เกิน 1,000 ล้านบาท ราว 80 โครงการ ซึ่ง BOI จะต้องเข้าไปคุยว่าเขาติดขัดอะไร แล้วนำมาจัดกลุ่มปัญหาเพื่อหาแนวทางแก้ไขอย่างถูกจุด จึงเป็นที่มาของโครงการ Thailand FastPass ซึ่งจะเข้ามาแก้ปัญหาระยะสั้น ส่วนปัญหาระยะยาวจะมีคณะกรรมการอีกชุดในการนำปัญหาต่าง ๆ ไปดำเนินการแก้ไขต่อ การเร่งดำเนินการปลดล็อกตรงนี้เพื่อให้เม็ดเงินจากการลงทุนไหลเข้าสู่เศรษฐกิจไทย และเป็นการคว้าโอกาส และเตรียมพร้อมกับระเบียบการค้าให้กับประเทศไทยอีกด้วย” นายเอกนิติ กล่าว
นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า พลังงานสะอาดเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่รัฐบาลพยายามจะปลดล็อก โดยเฉพาะเรื่องสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโดยตรงระหว่างผู้ผลิตไฟฟ้ากับผู้ใช้ไฟฟ้า (Direct PPA) เพราะมองว่าหากดำเนินการเรื่องนี้ได้จะเป็นอีกจุดที่ทำให้ต่างชาติมองเห็นประเทศไทย และเข้ามาลงทุนมากขึ้น โดยอีกโครงการที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการ คือโครงการ Low Carbon City ซึ่งดำเนินการร่วมกับธนาคารโลก (World Bank) เป็นโครงการที่สนับสนุนเรื่องพลังงานสะอาดในชุมชน ซึ่งส่วนนี้รัฐบาลมีหน้าที่ในการดูแลภาพรวม อำนวยความสะดวกให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ซึ่งโครงการนี้เตรียมจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็ว ๆ นี้
ทั้งนี้ มองว่า การให้ความสำคัญกับเรื่องพลังงานสะอาด ยังต่อยอดไปถึงระเบียบสภาพภูมิอากาศโลกที่เปลี่ยนไปด้วย จากปัญหาสภาพภูมิอากาศที่ผันผวนรุนแรงในปัจจุบัน หากไม่มีการวางแผนในการแก้ปัญหาระยะยาว สุดท้ายปัญหาเรื่องสภาพภูมิอากาศก็จะกลับมาเกิดซ้ำอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการเตรียมความพร้อมสำหรับการลงทุนในอนาคตผ่านโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องพลังงานสะอาด จึงไม่เพียงเป็นการเปิดโอกาสให้กับธุรกิจไทย แต่ยังเป็นการรองรับกติกาและระเบียบของสภาพอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอีกด้วย
สำหรับระเบียบเรื่องเทคโนโลยีโลกที่เปลี่ยนไป สะท้อนจากการให้ความสำคัญกับ AI มากขึ้น ซึ่งไทยมีข้อได้เปรียบ เนื่องจากคนไทยเก่งเรื่องโซเชียลมีเดีย แต่ยังขาดการใช้ดิจิทัล หรือ AI มาทำประโยชน์ในการทำมาหากิน รัฐบาลเล็งเห็นในส่วนนี้จึงมีการวางนโยบายเศรษฐกิจที่เน้นเรื่องการอัปสกิล รีสกิล ตรงนี้ถือเป็นการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญ สะท้อนจากโครงการคนละครึ่ง พลัส ในส่วนของการเติมเงินให้กับร้านค้าที่เข้าโครงการอัปสกิล รีสกิล 20% ของยอดขาย สูงสุดไม่เกิน 2 พันบาท ผ่านการอัปสกิลใน 3 ทักษะ ซึ่งหลังเปิดลงทะเบียนเมื่อ 19 พ.ย. 2568 พบว่า มีร้านค้าเข้าร่วมแล้ว 5-6 หมื่นร้านค้า ขณะที่ไรเดอร์ในแพลตฟอร์มก็มีรายได้เพิ่มขึ้น 15-20%
“ผมเชื่อว่าภายใต้ระเบียบโลกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้า สภาพภูมิอากาศ โลกร้อน หรือดิจิทัล ประเทศไทยยังมีโอกาสอยู่เสมอ แต่สิ่งที่เราขาดคือการลงทุนจริง โดยเฉพาะการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ การลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ โดยเฉพาะด้านพลังงานสะอาด และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้นในช่วง 4 เดือนที่รัฐบาลเข้ามา สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ต้องยอมรับตามความเป็นจริง และได้เตรียมพร้อมมาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ในระยะสั้น แต่ต้องมีผลต่อไปในระยะยาว วางรากฐานสำหรับการลงทุนในอนาคต และต้องเป็นการเติบโตที่กระจายตัวด้วย” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง ระบุ